กรุงเทพฯ 25 ส.ค. – ธนาคารกสิกรไทย คาดในช่วงเดือนก.ย. 65 ค่าเงินบาทมีโอกาสอ่อนค่าแตะ 37 บาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ และหากมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามามากจะทำให้ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นซึ่งศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติในปีนี้ไว้ที่ 7 ล้านคน
นายกอบสิทธิ์ ศิลปชัย ผู้บริหารงานวิจัยเศรษฐกิจและตลาดทุน ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) กล่าวว่า ธนาคารจะทบทวนประมาณการอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจ (GDP) ไทย หลังจากสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) รายงานตัวเลข GDP ไตรมาส 2/65 ออกมาที่ 2.5% ถือต่ำกว่าตลาดคาดไว้ ซึ่งในช่วงครึ่งปีหลังยังต้องลุ้นว่าภาคท่องเที่ยวที่จะเป็นปัจจัยหลักทำให้กับเศรษฐกิจไทยฟื้นกลับมาเติบโตได้ดีต่อเนื่องหรือไม่
ปัจจัยหลักที่จะสร้างผลกระทบต่อภาพรวมของเศรษฐกิจ คือ ปัจจัยต่างประเทศที่ยังคงมีความไม่แน่นอน ทำให้เศรษฐกิจโลกเกิดความผันผวน โดยเฉพาะความเสี่ยงของการเดินหน้าปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) หลังจากเจ้าหน้าที่เฟดหลายรายยังคงเป็นสายเหยี่ยวที่มีความเห็นสนับสนุนการปรับนโยบายการเงินให้เข้มงวดขึ้น และสนับสนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งละ 0.50-0.75% ทำให้ตลาดเงินและตลาดทุนยังคงผันผวนจากความเสี่ยงการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดและปัจจัยดังกล่าวยังส่งผลให้ทิศทางค่าเงินดอลลาร์สหรัฐให้แข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง เป็นแรงกดดันค่าเงินบาทยังอิงไปทางอ่อนค่าต่อเนื่อง ซึ่งในช่วงเดือนก.ย. 65 คาดว่าค่าเงินบาทมีโอกาสอ่อนค่าแตะ 37 บาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ แต่ก็ยังคงต้องติดตามว่าในช่วงเดือน พ.ย.นี้จะมีจำนวนนักท่องเที่ยวเข้ามาในประเทศไทยมากน้อยเพียงใด เพราะหากเข้ามามากจะมีผลให้เงินบาทแข็งค่าขึ้นในช่วงปลายปีนี้ได้ ซึ่งศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติในปีนี้ไว้ที่ 7 ล้านคน โดยในช่วง 7 เดือนที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวเข้ามาในประเทศไทยแล้ว 3 ล้านคน และมีจำนวนเที่ยวบิน 160,000 เที่ยว/วัน
นอกจากนี้ยังมีความกังวลเกี่ยวกับการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยในยุโรปมากขึ้นกว่าสหรัฐฯ โดยที่ยังต้องติดตามความทนทานของเศรษฐกิจยุโรปในช่วงฤดูหนาวนี้ว่าจะเป็นอย่างไร หลังจากสงครามรัสเซียและยูเครนยังคงยืดเยื้อ ส่งผลให้ยุโรปต้องเผชิญกับภาวะเงินเฟ้อในระดับสูงอยางต่อเนื่อง และทำให้เศรษฐกิจโลกเกิดความเสี่ยง รวมทั้งมีโอกาสกระทบต่อเศรษฐกิจไทยที่เพิ่งเริ่มฟื้นตัว
ด้านมุมมองอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยคาดว่าการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในเดือนก.ย. 65 จะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 0.75% ต่อปี เพื่อดูทิศทางของปัจจัยเศรษฐกิจภายในและภายนอกว่ามีการเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างไร ประกอบกับดูความทนทานหลังจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายไทยไปในครั้งก่อน แต่มีโอกาสจะกลับมาพิจารณาปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายในกานประชุมเดือนพ.ย. 65 ได้อีกครั้ง ตามทิศทางอัตราดอกเบี้ยโลกที่เป็นขาขึ้น
นายกอบสิทธิ์ยังกล่าวถึงปัจจัยการเมืองในประเทศหลังจากวานนี้ศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องวินิจฉัยการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 8 ปีของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และมีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว โดยมองว่าไม่ได้กระทบต่อมุมมองของนักลงทุน และไม่กระทบต่อภาพรวมความเชื่อมั่นของประเทศ แต่นักลงทุนต่างชาติกลับมีมุมมองเชิงบวกจากความชัดเจนที่เกิดขึ้น และปัจจัยดังกล่าวถือเป็นไปตามหลักการปฏิบัติของกลไกลทางนิติธรรมา ทำให้ไม่กระทบต่อมุมมองของนักลงทุนที่มีกับประเทศไทย
นอกจากนั้น กลไกทางการเมืองยังมีแผนการรองรับสถานการณ์ออกมาทันทีในเรื่องรักษาการนายกรัฐมนตรี ส่งผลให้การเมืองไทยไม่เกิดสภาวะสูญญากาศ รัฐบาลยังคงเดินหน้าในการทำงานต่อไปได้ อีกทั้งงบประมาณปี 66 ผ่านความเห็นชอบของสภาผู้แทนราษฎรไปแล้ว ทำให้แผนการลงทุนการใช้จ่ายของรัฐในงบประมาณปี 66 น่าจะเดินหน้าต่อไปได้ โดยไม่ได้รับผลกระทบจากการหยุดปฏิบัติหน้าที่ของนายกรัฐมนตรี.-สำนักข่าวไทย