ยูกันดาเดินหน้าค้นหาเหยื่อกองขยะถล่ม

กัมปาลา 11 ส.ค. – ยูกันดาเดินหน้าค้นหาผู้ที่ยังสูญหายจากเหตุที่ฝังกลบขยะพังถล่มลงมาบางส่วนเพราะฝนตกหนัก หลังจากพบผู้เสียชีวิตแล้ว 12 คน ที่ฝังกลบขยะขนาดใหญ่ในกรุงกัมปาลาของอูกันดาพังถล่มลงมาบางส่วนเมื่อคืนวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่น ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 12 คน และยังมีผู้สูญหายหลายคน ปฏิบัติการค้นหาดำเนินไปอย่างต่อเนื่องจนถึงช่วงเย็นวันเสาร์ เหตุเกิดขึ้นหลังฝนตกหนักทำให้กองดินปนขยะขนาดใหญ่ถล่มทับบ้านเรือนหลายหลังที่อยู่ใกล้เคียง มีรายงานมีผู้ได้รับการช่วยเหลือแล้ว 14 คน บริเวณดังกล่าวเป็นที่รู้จักในชื่อว่า คิเตซี ถูกใช้เป็นที่ฝังกลบขยะเพียงแห่งเดียวของกรุงกัมปาลามาหลายทศวรรษ จนกลายเป็นหุบเขาขยะ ชาวบ้านได้ร้องเรียนมาโดยตลอดเรื่องขยะพิษและอันตรายที่จะเกิดกับผู้อยู่อาศัยใกล้เคียง จนกระทั่งเกิดเหตุสลดดังกล่าว.-810(814).-สำนักข่าวไทย

ญี่ปุ่นแห่กักตุนสินค้ากลัวเกิดแผ่นดินไหวใหญ่

โตเกียว 11 ส.ค. – รัฐบาลญี่ปุ่นเรียกร้องประชาชนหลีกเลี่ยงการกักตุนสินค้าจำนวนมาก หลังผู้คนหวาดผวาว่าจะเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ (megaquake) ตามคำเตือนของสำนักอุตุนิยมวิทยาของญี่ปุ่น สื่อญี่ปุ่นรายงานว่า ห้างสรรพสินค้าและซูเปอร์มาร์เก็ตจำนวนมากในกรุงโตเกียวและหลายเมืองใหญ่ ลูกค้าแห่กันเข้าไปซื้อสินค้าของจำเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะอาหารแห้ง น้ำดื่มบรรจุขวด กระดาษชำระ และสินค้าอุปโภคบริโภค จนสินค้าหลายประเภทเกลี้ยงจากชั้นวาง ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งในกรุงโตเกียวต้องติดป้ายขอโทษลูกค้าที่สินค้าบางรายการขาดแคลน ขณะที่เว็บไซต์ราคุเต็น อีคอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่นระบุว่า โถส้วมขนาดพกพา เสบียงอาหาร และน้ำขวด ติดอันดับต้น ๆ ของรายการสินค้าที่ขายดีที่สุดในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา รวมถึงสินค้าและสิ่งของช่วยเหลือที่เกี่ยวข้องกับภัยพิบัติ ก็มีคำสั่งซื้อเข้ามามาก ด้านรัฐบาลญี่ปุ่นเรียกร้องประชาชนหลีกเลี่ยงการกักตุนสิ่งของจำเป็น จนส่งผลให้ความต้องการอุปกรณ์บรรเทาภัยพิบัติและสิ่งของจำเป็นในชีวิตประจำวันเพิ่มสูงขึ้น เพราะถึงแม้จะมีความเสี่ยงเรื่องแผ่นดินไหวใหญ่มากขึ้น แต่ก็ยังถือว่าอยู่ในระดับต่ำ ประชาชนจึงไม่ควรตกอกตกใจจนเกินไป สำนักอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่นได้ออกคำเตือนเป็นครั้งแรกเมื่อคืนวันที่ 8 สิงหาคมว่า มีแนวโน้มว่าจะเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ หลังเกิดแผ่นดินไหวขนาด 7.1 เขย่านอกชายฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศในวันเดียวกัน มีผู้บาดเจ็บเกือบ 20 ราย คำแนะนำดังกล่าว เป็นเรื่องเกี่ยวกับเขตมุดตัวของเปลือกโลกของแนวร่องลึกนันไก (Nankai Trough) ระหว่างแผ่นเปลือกโลก 2 แผ่นในมหาสมุทรแปซิฟิก ซึ่งเคยเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงมาแล้วในอดีต สอดคล้องกับที่ก่อนหน้านี้ รัฐบาลญี่ปุ่นเคยประเมินว่าในอีก 30 ปีข้างหน้า แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ครั้งต่อไปอาจเกิดขึ้น […]

“แฮร์ริส” ยืนยันไม่แทรกแซงเฟดถ้าได้เป็น ปธน.สหรัฐ

แอริโซนา 11 ส.ค. – รองประธานาธิบดีคอมมาลา แฮร์ริส ของสหรัฐ ย้ำว่า จะไม่แทรกแซงการตัดสินใจของธนาคารกลางของสหรัฐ หรือเฟด (Fed) หากเธอชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดี วันที่ 5 พฤศจิกายน นางแฮร์ริส ซึ่งได้รับการเสนอชื่ออย่างเป็นทางการให้เป็นตัวแทนพรรคเดโมแครตเมื่อวันที่ 5 สิงหาคมตามเวลาท้องถิ่น เผยกับสื่อระหว่างหาเสียงที่เมืองฟีนิกซ์ รัฐแอริโซนาเมื่อวันเสาร์ตามเวลาท้องถิ่นว่า เฟดเป็นสถาบันอิสระ และในฐานะประธานาธิบดีเธอจะไม่มีทางแทรกแซงการตัดสินใจของเฟดอย่างแน่นอน จุดยืนของนางแฮร์ริสแตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากนายโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีและตัวแทนพรรครีพับลิกันชิงตำแหน่งประธานาธิบดีที่ย้ำระหว่างให้สัมภาษณ์สื่อที่บ้านพักมาร์อะลาโกของเขาในรัฐฟลอริดาเมื่อวันพฤหัสบดีตามเวลาท้องถิ่นว่า ประธานาธิบดีสหรัฐควรมีสิทธิมีเสียงในการตัดสินใจของเฟด ประธานเฟดคนปัจจุบัน คือ นายเจอโรม พาวเวล วัย 71 ปี ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งสมัยแรกเมื่อปลายปี 2560 โดยทรัมป์ที่เป็นประธานาธิบดีในขณะนั้น และได้รับแต่งตั้งอีกสมัยเมื่อต้นปี 2565 โดยประธานาธิบดีโจ ไบเดน และมีกำหนดครบวาระดำรงตำแหน่งในเดือนพฤษภาคม 2569.-814.-สำนักข่าวไทย

เร่งวิเคราะห์กล่องดำเครื่องบินบราซิลตก

บราซิเลีย 11 ส.ค. – ศูนย์สอบสวนอุบัติเหตุทางการบินของบราซิลแถลงเมื่อวันเสาร์ตามเวลาท้องถิ่นว่า กล่องดำ 2 กล่องของเครื่องบินในประเทศที่ตกเมื่อวันศุกร์ ทำให้คนบนเครื่องเสียชีวิตหมดทั้งลำ ได้ถูกส่งไปวิเคราะห์เพื่อเร่งหาสาเหตุที่เครื่องบินตกแล้ว กล่องดำซึ่งประกอบด้วยกล่องบันทึกเสียงในห้องนักบิน หรือซีวีอาร์ (CVR) และ กล่องบันทึกข้อมูลการบิน หรือเอฟดีอาร์ (FDR) ถูกส่งไปวิเคราะห์ข้อมูลการบินที่ห้องแล็บในกรุงบราซิเลีย เพื่อเร่งหาสาเหตุการตกของเครื่องบินโดยสารภายในประเทศของสายการบินโวพาส (Voepass) รุ่น เอทีอาร์-72 เครื่องยนต์เทอร์โบพรอพ  ที่บินมาจากรัฐปารานา ทางตอนใต้ แต่ตกก่อนถึงสนามบินที่เป็นจุดหมายในเมืองเซาเปาลูราว 80 กิโลเมตร โดยตกในย่านที่อยู่อาศัย ไม่มีคนบนพื้นดินบาดเจ็บหรือเสียชีวิต แต่คนบนเครื่องเสียชีวิตหมดทั้งลำ 62 คน ศูนย์สอบสวนฯ ตั้งใจที่จะเผยแพร่รายงานเบื้องต้นให้ได้ภายใน 30 วัน กองทัพอากาศบราซิลแถลงว่า เครื่องบินบินตามปกติ แล้วขาดการติดต่อไปโดยไม่ได้แจ้งเหตุฉุกเฉินหรือรายงานว่าสภาพอากาศไม่ดีแต่อย่างใด ด้านสมาชิกครอบครัวและญาติผู้เสียชีวิตได้เดินทางไปรวมตัวกันที่หอประชุมของเมืองเซาเปาลู เพื่อช่วยกระบวนการพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคล ประกอบกับการที่เจ้าหน้าที่ใช้หมายเลขที่นั่ง ลักษณะทางกายภาพ เอกสาร และของใช้ส่วนตัว เช่น โทรศัพท์มือถือ ในการพิสูจน์เกลักษณ์บุคคล เจ้าหน้าที่ปรับยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มจาก 61 เป็น 62 คน หลังมีการยืนยันตัวตนผู้โดยสารหนึ่งคนที่ไม่ได้นับรวมในเบื้องต้น.-810(814).-สำนักข่าวไทย

รัสเซีย-ยูเครนอพยพคนออกจากพื้นที่ปะทะ

มอสโก 11 ส.ค.- รัสเซียและยูเครนต่างอพยพประชาชนออกจากพื้นที่บริเวณพรมแดนที่ทั้ง 2 ฝ่ายกำลังสู้รบกันมาหลายวันจากการที่ยูเครนบุกโจมตีดินแดนในรัสเซียครั้งใหญ่ เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นของรัสเซียเผยเมื่อวันเสาร์ว่า มีประชาชนมากกว่า76,000 คน ได้รับการอพยพออกจากแคว้นคุสค์ (Kursk) ซึ่งอยู่ติดพรมแดนยูเครนที่ทั้งสองฝ่ายกำลังสู้รบปะทะกันเป็นวันที่ 6 แล้ว หลังยูเครนบุกโจมตีแคว้นคุสค์ และ เป็นการโจมตีในดินแดนของรัสเซียครั้งใหญ่ที่สุดของยูเครน นับแต่สงครามรัสเซีย-ยูเครนเริ่มขึ้นเมื่อปี 2565  รัสเซียได้อพยพประชาชนไปอยู่ที่เมืองโอริออล แคว้นโอริออล (Oryol) ห่างแคว้นคุสค์ขึ้นไปทางเหนือ 140 กิโลเมตร และมีกลุ่มนักจิตวิทยาเข้าช่วยเหลือพูดคุยกับผู้ที่อยู่ตามศูนย์พักพิงชั่วคราวเพื่อให้คลายภาวะกดดันและลดผลกระทบทางจิตใจ ส่วนเมื่อวันศุกร์ เจ้าหน้าที่ยูเครนสั่งอพยพประชาชนราว 20,000 คน จาก 28 ชุมชน ในแคว้นซูมี ทางตะวันออกเฉียงเหนือ กลุ่มผู้อพยพนำข้าวของติดตัวมาได้เพียงไม่กี่อย่างและอุ้มเอาสัตว์เลี้ยง มาขึ้นรถตู้ที่จอดรอช่วยอพยพออกนอกพื้นที่ แคว้นซูมีตั้งอยู่ตรงข้ามกับแคว้นคุสค์ของรัสเซีย ที่ระดมการโจมตียูเครนด้วยระเบิดนำวิถีอย่างหนักหน่วง เพื่อตอบโต้สกัดทหารยูเครนที่บุกโจมตีแคว้นคุสค์ล่วงเข้าสู่วันที่ 6 แล้ว นับตั้งแต่ยูเครนเคลื่อนกำลังเข้าบุกตั้งแต่วันที่ 6 สิงหาคม รัสเซียมองว่า ยูเครนพยายามบีบให้รัสเซียผันถอนทรัพยากรออกจากการสู้รบบริเวณแนวหน้าในยูเครน .-810(814).-สำนักข่าวไทย

เตือนโลกร้อนขึ้นทุกเดือนมาปีกว่าแล้ว

เจนีวา 7 ส.ค.- องค์การอุตุนิยมวิทยาโลก หรือดับเบิลยูเอ็มโอ (WMO) เตือนเมื่อวานนี้ว่า อุณหภูมิเฉลี่ยของโลกได้เดินหน้าทำสถิติใหม่ทุกเดือนมาเป็นเวลานานกว่า 1 ปีแล้ว โดยเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมามีวันที่โลกร้อนที่สุดเท่าที่เคยบันทึกมา โฆษกดับเบิลยูเอ็มโอแถลงข่าวสำนักงานใหญ่ในนครเจนีวาของสวิตเซอร์แลนด์ว่า ช่วงเวลาตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2566 ถึงเดือนมิถุนายนปีนี้ อุณหภูมิเฉลี่ยของโลกสร้างสถิติใหม่ทุกเดือน ดับเบิลยูเอ็มโอกำลังรอข้อมูลของเดือนกรกฎาคมเพื่อยืนยันว่า แนวโน้มอากาศรุนแรงผิดปกติกำลังดำเนินอยู่อย่างต่อเนื่อง โฆษกกล่าวว่า ช่วงปีที่แล้ว เกิดคลื่นความร้อนรุนแรงและยืดเยื้อแผ่ปกคลุมทั่วทุกทวีปของโลก มีหลายทวีปที่มีอย่างน้อย 10 ประเทศมีอุณภูมิสูงเป็นประวัติการณ์ตั้งแต่ 50 องศาเซลเซียสขึ้นไป พร้อมกับย้ำว่า ตัวเลขที่น่าตกใจเหล่านี้ตอกย้ำถึงความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องเร่งต่อสู้กับอากาศร้อนจัด ดับเบิลยูเอ็มโอเผยว่า วันที่ 22 กรกฎาคม 2567 เป็นวันที่ร้อนที่สุดเท่าที่เคยมีการบันทึกมา โดยอ้างข้อมูลของสำนักงานบริการการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโคเปอร์นิคัส ซึ่งเป็นหน่วยงานติดตามสภาพภูมิอากาศของยุโรป ขณะที่เอเชียเผชิญกับเดือนกรกฎาคมที่ร้อนที่สุดเท่าที่เคยมีการบันทึกมา.-814.-สำนักข่าวไทย

ผู้ประท้วงบังกลาเทศบีบคณะผู้บริหารแบงก์ชาติลาออก

ธากา 7 ส.ค.- แหล่งข่าวในธนาคารกลางของบังกลาเทศเผยว่า รองผู้ว่าการธนาคารกลาง 4 คน ถูกบีบบังคับให้ลาออกในวันนี้ หลังจากเจ้าหน้าที่ธนาคารกลาง 300-400 คนประท้วงสิ่งที่พวกเขาระบุว่า เป็นการทุจริตของเจ้าหน้าที่ระดับสูง แหล่งข่าวเผยว่า ผู้ประท้วงได้เรียกร้องให้ผู้ว่าธนาคารกลางลาออกด้วย แต่ผู้ว่าฯ ไม่ได้อยู่ในธนาคารกลางในช่วงที่ผู้ประท้วงมาชุมนุมที่สำนักงานใหญ่ในกรุงธากา โดยในระหว่างนี้รองผู้ว่าการคนหนึ่งจะทำหน้าที่ต่อไปจนกว่าจะมีการแต่งตั้งรองผู้ว่าการคนใหม่ทั้ง 4 คน นอกจากนี้หัวหน้าสำนักงานข่าวกรองทางการเงินและที่ปรึกษานโยบายของธนาคารกลางได้ลาออกด้วยเช่นกัน โดยมีบุคลากรของกองทัพบกรับรองความปลอดภัยและนำพวกเขาออกจากธนาคารกลาง การประท้วงที่ธนาคารกลางบังกลาเทศมีขึ้น 2 วันหลังจากนางเชค ฮาซีนา ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและหนีออกนอกประเทศเมื่อวันจันทร์ ในช่วงที่มีการประท้วงนองเลือดมาตั้งแต่เดือนกรกฎาคม มีผู้เสียชีวิตรวมกันเกือบ 300 คน.-814.-สำนักข่าวไทย

ลูกอดีตนายกฯ บังกลาเทศมองประเทศเสี่ยงวุ่นวายแบบซีเรีย

นิวเดลี 7 ส.ค.- บุตรชายของนางเชค ฮาซีนาที่ประกาศลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีบังกลาเทศและหนีออกนอกประเทศเมื่อวันจันทร์แสดงความเห็นว่า อนาคตของบังกลาเทศเสี่ยงเกิดความวุ่นวายเหมือนซีเรียที่เกิดสงครามกลางเมือง นายชาจีฟ วาเจด จอย วัย 53 ปี บุตรชายนางฮาซีนาให้สัมภาษณ์พิเศษกับสถานีโทรทัศน์เอ็นดีทีวี (NDTV) ของอินเดีย แสดงความกังวลเรื่องมีการทำร้ายแกนนำของพรรคสันนิบาตอวามี ซึ่งเป็นพรรคของมารดา และชนกลุ่มน้อยในประเทศ หลังจากมีการพบศพแกนนำพรรค 12 คน ในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ มีการวางเพลิงเผาบ้านเรือน สส. และรัฐมนตรีของพรรค เขามองว่า สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่การเคลื่อนไหวทางการเมือง เพราะมีการสังหารผู้คน เขาจะขอให้รัฐบาลอินเดียช่วยรับรองความปลอดภัยของคนเหล่านี้ ด้านกลุ่มสิทธิและผู้นำชุมชนอ้างว่า มีม็อบสร้างความเสียหายให้แก่วัดฮินดู ร้านค้า และวัดในบังกลาเทศ หลังจากรัฐบาลนางฮาซีนาล่มสลาย ต่อข้อถามว่ามองอนาคตบังกลาเทศอย่างไร นายจอยตอบว่า บังกลาเทศเสี่ยงเกิดความวุ่นวายเหมือนซีเรีย ชาวบังกลาเทศได้ตัดสินอนาคตของตนเองไปแล้ว จึงต้องอยู่กับสิ่งที่ได้ทำลงไป สิ่งที่จะเกิดขึ้นจะเป็นอนาคตที่สิ้นหวัง เศรษฐกิจจะหยุดเติบโต และทหารจะปกครองต่อไป ส่วนรายงานข่าวเรื่องสหราชอาณาจักรนิ่งเฉยต่อคำขอลี้ภัยของมารดา และข่าวสหรัฐเพิกถอนวีซ่าของมารดา บุตรชายของนางฮาซีนาปฏิเสธว่า ไม่จริง เพราะมารดายังไม่ได้ขอลี้ภัยไปยังที่ใด.-814.-สำนักข่าวไทย  

ญี่ปุ่นยืนยันยังไม่ขึ้นดอกเบี้ยครั้งใหม่

โตเกียว 7 ส.ค.- รองผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น หรือบีโอเจ (BOJ) เผยว่า บีโอเจจะยังไม่ขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงที่ตลาดการเงินกำลังอ่อนไหว นายอูชิดะ ชินอิจิ รองผู้ว่าการบีโอเจเปิดเผยระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ในวันนี้ว่า ทางธนาคารจะยังไม่ขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ในยามที่ตลาดการเงินกำลังอยู่ในสภาวะอ่อนไหว โดยย้ำว่า จำเป็นต้องคงการผ่อนคลายทางการเงินด้วยอัตราดอกเบี้ยนโยบายระดับปัจจุบันต่อไป นายอูชิดะกล่าวว่า ตลาดหลักทรัพย์ของญี่ปุ่นและอีกของหลายประเทศกำลังอยู่ในสภาพอ่อนไหวอย่างยิ่ง บีโอเจกำลังจับตาการเคลื่อนไหวในตลาดและผลกระทบที่เกิดขึ้นอย่างใกล้ชิด และจะดำเนินนโยบายการเงินอย่างเหมาะสม ก่อนนี้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว บีโอเจได้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเป็นครั้งแรกตั้งแต่เดือนมีนาคม ทำให้นักลงทุนเฝ้าจับตาท่าทีของบีโอเจอย่างใกล้ชิดเรื่องการขึ้นดอกเบี้ยในอนาคต นักลงทุนบางคนมองว่า การที่นายอูเอดะ คาซูโอะ ผู้ว่าการบีโอเจเคยส่งสัญญาณว่าจะขึ้นดอกเบี้ยเพิ่มเติม เป็นสาเหตุหนี่งที่ทำให้ตลาดหุ้นปั่นป่วน.-812(814).-สำนักข่าวไทย

โรงแรมถล่มในเยอรมนี เสียชีวิตและบาดเจ็บหลายคน

แฟรงก์เฟิร์ต 7 ส.ค.- เกิดเหตุโรงแรมพังถล่มเป็นบางส่วนในเยอรมนีเมื่อกลางดึกที่ผ่านมา มีผู้เสียชีวิตแล้ว 1 คน และมีผู้ติดอยู่ในอาคารอีก 8 คน บางคนได้รับบาดเจ็บสาหัส ตำรวจท้องถิ่นแถลงว่า เหตุเกิดที่โรงแรมแห่งหนึ่งในเมืองเคริฟ (Kroev) ใกล้ริมฝั่งแม่น้ำโมเซล (Moselle) เจ้าหน้าที่พบร่างผู้เสียชีวิต แต่ยังไม่สามารถกู้ศพออกมาได้ และขณะนี้สามารถติดต่อกับผู้ที่ยังติดอยู่ในโรงแรมได้แล้ว อย่างไรก็ดี เนื่องจากเป็นความเสียหายที่จำเป็นต้องใช้ปฏิบัติการที่พิเศษอย่างยิ่ง จึงจะมีแต่เจ้าหน้าที่รับมือเหตุฉุกเฉินที่จะเข้าไปในอาคารด้วยความระมัดระวังอย่างที่สุดเท่านั้น เจ้าหน้าที่สอบสวนคาดว่า มีผู้อยู่ในโรงแรม 14 คนในช่วงที่ชั้นบนของโรงแรมพังถล่มลงมาเมื่อเวลา 23.00 น.วันอังคารตามเวลาท้องถิ่น ในจำนวนนี้ 5 คน สามารถหนีออกมาได้อย่างปลอดภัย ส่วนผู้มีบ้านพักอาศัยอยู่ใกล้โรงแรมได้รับการอพยพออกจากบ้านที่เสียหายเพื่อความปลอดภัยทั้งหมด 31 คน.-814.-สำนักข่าวไทย 

จีนจับคนโพสต์หมิ่นทีมปิงปองโอลิมปิก

ปักกิ่ง 7 ส.ค.- ตำรวจจีนจับกุมสตรีคนหนึ่งต้องสงสัยโพสต์ความเห็นหมิ่นประมาทนักกีฬาและผู้ฝึกสอนของจีน หลังจากนักกีฬาเทเบิลเทนนิสหญิงเดี่ยวของจีนชิงเหรียญทองกันเองในการแข่งขันโอลิมปิก ปารีส 2024 ตำรวจแขวงต้าซิงในกรุงปักกิ่งแถลงเมื่อค่ำวานนี้ว่า ผู้ต้องสงสัยวัย 29 ปี แซ่เหอ ถูกจับกุมเนื่องจากสร้างข้อมูลเท็จอย่างประสงค์ร้าย และหมิ่นประมาทผู้อื่นอย่างชัดเจน ทำให้เกิดผลกระทบทางลบต่อสังคม ตำรวจกำลังสอบสวนคดีอยู่ แต่ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดข้อความความเห็นหมิ่นประมาทดังกล่าว นักเทเบิลเทนนิสหญิงของจีน 2 คน คือ เฉิน เมิ่ง วัย 30 ปี เอาชนะซุน หยิงชา เพื่อนร่วมทีมชาติวัย 23 ปี ซึ่งเป็นนักเทเบิลเทนนิสหญิงเดี่ยวมือหนึ่งของโลก ในการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศเมื่อวันที่ 3 สิงหาคม ด้วยคะแนน 4 ต่อ 2 เกม เป็นการฉายภาพซ้ำที่ทั้งคู่เคยพบกันในรอบชิงชนะเลิศโอลิมปิก โตเกียว 2020 เมื่อปี 2564 รอยเตอร์รายงานว่า ช่วงที่มีการถ่ายทอดสดการแข่งขัน ได้ยินเสียงผู้ชมในสนามส่งเสียงเชียร์ซุน และส่งเสียงโห่เฉินทุกครั้งที่เธอทำคะแนนได้ และหลังจากจบเกม หลายคนใช้สื่อสังคมออนไลน์วิจารณ์พฤติกรรมของผู้ชมในสนาม ขณะที่แพลตฟอร์มเวยปั๋วของจีนแจ้งว่า ได้ลบโพสต์มากกว่า 12,000 โพสต์ […]

นักศึกษาบังกลาเทศอำนวยการจราจรแทนตำรวจ

ธากา 7 ส.ค.- นักศึกษาบังกลาเทศกลุ่มหนึ่งทำหน้าที่อำนวยการจราจรกลางสี่แยกในกรุงธากาเมื่อวานนี้ เนื่องจากไม่มีตำรวจราจรประจำการ ท่ามกลางภาวะสุญญากาศทางการเมืองหลังจากมีการยุบสภา ทั้งนี้หลังจากการประท้วงรุนแรงในบังกลาเทศยุติลงเมื่อวันที่ 5 สิงหาคม เมื่อกองทัพประกาศว่า นายกรัฐมนตรีเชค ฮาซีนาลาออก กลุ่มนักศึกษาที่เป็นแกนนำการประท้วงได้เข้าทำหน้าที่ควบคุมการจราจรกลางสี่แยกใหญ่ในกรุงธากา เนื่องจากภาวะสุญญากาศทางการเมืองทำให้ไม่มีตำรวจจราจรทำหน้าที่ นักศึกษาคนหนี่งกล่าวว่า ทุกคนต้องการมีส่วนร่วมในงานสาธารณะ ประธานาธิบดีโมฮัมเหม็ด ชาฮาบุดดินของบังกลาเทศประกาศยุบสภาเมื่อวานนี้ ตามที่กลุ่มนักศึกษาขู่ว่าจะเดินหน้าประท้วงต่อหากไม่ยุบสภา จากนั้นได้ประชุมกับแกนนำนักศึกษาและผู้บัญชาการทหารทั้ง 3 เหล่าทัพ ตามด้วยการประกาศแต่งตั้งนายมูฮัมหมัด ยูนุส เจ้าของรางวัลโนเบลวัย 84 ปี เป็นหัวหน้าที่ปรึกษารัฐบาลชั่วคราว นอกจากนี้ยังยกเลิกคำสั่งกักบริเวณในบ้านพักให้แก่นางคาเลดา เซีย ผู้นำพรรคชาตินิยมบังกลาเทศที่เป็นฝ่ายค้าน เธอเป็นอดีตนายกรัฐมนตรีที่เป็นคู่ปรับกับนางฮาซีนามาหลายทศวรรษ กลุ่มนักศึกษาได้เป็นผู้นำการประท้วงต่อต้านระบบโควต้าตำแหน่งงานภาครัฐตั้งแต่กลางเดือนกรกฎาคม แล้วลุกลามเป็นการต่อต้านรัฐบาลอย่างรุนแรง มีผู้เสียชีวิตเกือบ 300 คนจากการปะทะกับตำรวจและกลุ่มผู้สนับสนุนพรรคสันนิบาตอวามีที่เป็นรัฐบาล.-812(814).-สำนักข่าวไทย

1 58 59 60 61 62 587