ญี่ปุ่นเปิดอลังการ โอลิมปิกเกมส์ โตเกียว 2020

23 ก.ค.64-มหกรรมกีฬาโอลิมปิกเกมส์ โตเกียว 2020 มีพิธีเปิดการแข่งขันอย่างเป็นทางการ ที่สนามโอลิมปิกสเตเดี้ยม ในกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ภายใต้มาตรการการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด 19 อย่างเข้มข้น ไม่เปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าชมพิธีการในสนาม มีเพียงผู้บริหารระดับสูงของคณะกรรมการโอลิมปิคสากล (ไอโอซี) , คณะกรรมการโอลิมปิคและคณะกรรมการจัดการแข่งขันของเจ้าภาพญี่ปุ่น รวมถึงแขกพิเศษจากประเทศต่างๆ ตัวแทนของแต่ละชาติที่ส่งนักกีฬาเข้าร่วมการแข่งขัน รวมถึงผู้นำประเทศต่างๆเข้าร่วมกว่า 15 ประเทศและ นายพิพัฒน์ รัชกิจ ประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเป็นตัวแทนจากประเทศไทยเข้าร่วมพิธีด้วย  พิธีเปิดโอลิมปิกเกมส์ โตเกียว 2020 ในครั้งนี้เจ้าภาพ ญี่ปุ่นได้วางแนวคิดจัดภายใต้ชื่อ การรวมใจเป็นหนึ่งเดียวของมวลมนุษยชาติ ซึ่งกำลังต่อสู้กับการระบาดของไวรัสโควิด 19 พิธีเริ่มในเวลา 20.30 น.ท้องถิ่น โดยสมเด็จพระจักรพรรดินารุฮิโตะเสด็จเป็นองค์ประธานในพิธีเปิดการแข่งขัน มีพิธีการกล่าวรายงานการจัดการแข่งขันโดย เซอิโกะฮาชิโมโตะ ประธานคณะกรรมการจัดการแข่งขัน โอลิมปิกเกมส์ โตเกียว2020 และ โธมัส บาค ประธานไอโอซี กล่าวสุนทรพจน์ถึงการจัดการแข่งขันครั้งนี้ท่ามกลางการระบาดของไวรัสโควิด 19 โอลิมปิกเกมส์ โตเกียว 2020 ถือเป็นมหกรรมกีฬาที่ให้ความสำคัญในด้านสิทธิมนุษยชนเป็นอย่างมาก นอกจากการคัดเลือกตัวแทนแต่ละทวีปมาร่วมถือธงเพื่อใช้ในการกล่าวคำปฏิญาณตน โดย ผู้ทำหน้าที่ถือธงในแต่ละทวีปมีดังนี้เอเชีย เคนโตะ โมโมตะ นักแบดมินตัน อดีตแชมป์โลก 2 สมัย และมือ 1 ของโลกชาวญี่ปุ่น, แอฟริกาใต้  เมห์ดี เอสซาดิค คุณหมอนักไตรกีฬาชาวโมร็อคโก, อเมริกา  พอล่าปาเรโต นักยูโดสาวชาวอาร์เจนติน่า เจ้าของเหรียญทองโอลิมปิกเกมส์ ที่ ริโอ เดอจาเนโร 2016 และแชมป์โลกเมื่อปี 2015, โอเชียเนีย อีเลน่า กาเลียโบวิทช์ คุณหมอนักแม่นปืนสาวชาวออสเตรเลีย แชมป์โลกยิงปืน ปี 2018, ยุโรป เปาลา โอเกชี อีโกนู นักวอลเลย์บอลชาวอิตาลี เจ้าของเหรียญเงิน เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ 2018 และกลุ่มประเทศผู้ลี้ภัย  ไซรีลล์ ฟากัต ชัตเชต ที่ 2 นักยกน้ำหนัก ที่ลี้ภัยมาจากประเทศ แคเมอรูน มาอยู่ที่สหราชอาณาจักร ก่อนจะคว้าแชมป์ยกน้ำหนักของ อังกฤษ ถึง 3 สมัย ตั้งแต่ปี 2017-19 การเดินขบวนพาเหรดของนักกีฬาจาก 205 ประเทศยึดหลักความเสมอภาคทางเพศ ด้วยการให้นักกีฬาชาย-หญิงเป็นผู้ถือธงชาติของตนเองนำหน้าขบวนพาเหรดเข้าสู่สนามซึ่งทัพนักกีฬาไทยเดินพาเหรดเข้าสู่สนามในลำดับที่ 102 ตามตัวอักษรของญี่ปุ่น โดย‘เอิน’ ณภัสวรรณ หย่างไพบูลย์ นักยิงปืนหญิง และ ‘แซม’ เศวต เศรษฐาภรณ์ นักกีฬายิงปืนเป้าบินชาย เป็นผู้ถือธงชาติไทยเข้าสู่สนาม ขณะที่ทัพนักกีฬาญี่ปุ่น เจ้าภาพเดินพาเหรดปิดท้ายขบวน ด้านการแสดงต่างๆเจ้าภาพพยายามจัดอย่างเรียบง่าย แต่เต็มไปความหมายที่น่าประทับใจ โดยมุ่งเน้นไปที่การเผชิญกับวิกฤติ โควิด-19 ที่มีผลกระทบทำให้ชาวโลกต้องมีการปรับตัวให้เข้ากับสภาวะการณ์ใหม่ ซึ่งบรรดานักกีฬาต้องซ้อม และแข่งขันท่ามกลางสถานการณ์ ด้วยหัวใจที่เด็ดเดี่ยว และมุ่งมั่น การแสดงแสงสี จินตลีลา ประกอบเพลงพร้อมสอดแทรกด้านศิลปวัฒนธรรมญี่ปุ่นเข้าไปในชุดการแสดงที่ชื่อ A LASTING LEGACY ซึ่งจะพาย้อนรำลึกถึงการเป็นเจ้าภาพการแข่งขันโอลิมปิกปี 1964 ของญี่ปุ่น ด้วยการสร้างวงแหวนโอลิมปิก โดยนำไม้จาก 47 จังหวัดทั่วญี่ปุ่นมาใช้สร้างสัญลักษณ์ของการแข่งขันในพิธีเปิด และปิดการแข่งขัน เพื่อสะท้อนความเป็นชาติที่มีความอุดมสมบูรณ์ด้านป่าไม้ รวมถึงเทคนิคด้านงานไม้ที่มีมาตั้งแต่สมัย เอโดะ รวมทั้งยังมีการจุดพลุไฟ 324 ลูก นอกจากนี้มีการใช้ภาพของ โชทาโร่ คาเนดะ ตัวเอกจากการ์ตูนซีรีส์เรื่อง อากิระขี่มอเตอร์ไซค์สีแดงคันเก่งเข้ามาในสนามในช่วงแรกของการแสดง ซึ่งถือเป็นความบังเอิญกับสถานการณ์ในปัจจุบัน หลังจากการ์ตูนเรื่องดังกล่าวมีเนื้อหาส่วนหนึ่งที่ระบุว่าโลกจะเกิดโรคระบาดครั้งใหญ่ขึ้นในปี 2020 ก่อนจะเข้าสู่การแสดงชุด Welcome to Neo-Tokyo ซึ่งจะมีนักเต้นชื่อดังอย่าง ไดอิจิ มิอูระ และ โคฮารุ ซูกาวาระ ร่วมแสดงหลังจากนั้นจะมีการย้อนภาพความทรงจำเมื่อครั้งที่กรุงโตเกียวได้เป็นเจ้าภาพโอลิมปิกเกมส์ 1964 ตามด้วยการแสดงจาก นาโอมิ วาตานาเบ นักแสดงตลกและดีไซน์เนอร์สาวชื่อดัง ซึ่งนำไปสู่การเดินเข้าสู่สนามของนักกีฬาจากชาติต่าง ๆ ในชื่อชุดการแสดงว่า The Last Mission ปิดท้ายด้วยภาพของ มาริโอ ตัวการ์ตูนชื่อดังบนจอขนาดยักษ์ร่วมโชว์ไปพร้อมกับเหล่านักระบำใต้น้ำในชื่อชุดว่า Let The Games Begins,  การแสดงTIME TO SHINE เป็นโชว์ที่แสดงออกถึงเมืองโตเกียว และความพร้อมของเมืองโตเกียว ก่อนที่จะมีการแสดง คาบูกิ ซึ่งถือเป็นศิลปะการแสดงชั้นสูงของ ญี่ปุ่น ที่จะมาร่วมแสดงกับยอดนักเปียโนระดับโลก ฮิโรมิ เจ้าของรางวัล แกรมมี่ในปี 2011 และเป็นเจ้าของเพลงแจ๊สระดับท็อปชาร์จที่ บิลบอร์ด ของ สหรัฐ ด้านไฮไลท์ที่หลายคนให้ความสนใจคือการวิ่งคบเพลิงของเหล่านักกีฬาญี่ปุ่นทั้งอดีตและปัจจุบันเข้าสู่สนามในพิธีเปิด ซึ่งถูกจัดไว้ทั้งหมด 6 กลุ่ม โดยใช้นักกีฬาทั้งสิ้น15 คน โดย นาโอมิ โอซากะ นักเทนนิสเจ้าของแชมป์ 4 แกรนด์สแลม และอดีตมือ 1 ของโลกเข้าร่วมด้วย โดยพิธีเปิดโอลิมปิกเกมส์ โตเกียว 2020 ใช้เวลาทั้งสิ้นกว่า 3 ชั่วโมง

“ไอโอซี” ยืนยันมวยสากลสมัครเล่นโอลิมปิก โตเกียว 2020

23 ก.ค.64-คุณหญิงปัทมา ลีสวัสดิ์ตระกูล กรรมการคณะกรรมการโอลิมปิกสากล (ไอโอซีเมมเบอร์) กล่าวว่า มวยสากลสมัครเล่น ในมหกรรมกีฬาโอลิมปิก โตเกียว 2020 ดำเนินการจัดโดย ไอโอซี ล่าสุดได้รับการยืนยันจาก โมรินาริ วาตานาเบะ ประธานสหพันธ์ยิมนาสติกนานาชาติ ในฐานะประธานคณะทำงานพิเศษ จัดการแข่งขันมวยสากลสมัครเล่นโตเกียวเกมส์ว่า จะเป็นไปอย่างบริสุทธิ์ ยุติธรรม มากที่สุดในประวัติศาสตร์ เนื่องจากการคัดเลือกผู้ตัดสินที่จะทำหน้าที่ในโอลิมปิกครั้งนี้ เป็นไปอย่างโปร่งใส และยุติธรรม ไอโอซีเมมเบอร์หญิงไทย กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ คณะทำงาน ยังได้ปรับปรุงระบบการให้คะแนนของกรรมการให้มีความโปร่งใสและยุติธรรมมากขึ้นด้วย โดยกรรมการทั้ง 5 คน จะให้คะแนนตามเกณฑ์ที่วางไว้ อาทิ จำนวนหมัดที่โดนเป้าหมายตามจุดที่กำหนด หรือ เทคนิคการชก หลังจบการชกแต่ละยก กรรมการทั้ง 5 คน จะให้คะแนนนักมวยแต่ละคน โดยมีเวลาให้คะแนน 15 วินาทีหลังจบยก เมื่อการชกครบทั้ง 3 ยก ก็จะทราบผลคะแนนรวม ซึ่งการให้คะแนนนี้ นักกีฬา ผู้ฝึกสอน ในสนาม และผู้ชมทางบ้าน จะได้รับทราบคะแนนที่นักชกแต่ละคนทำได้ในยกที่ 1 และ 2 ส่วนในยกที่ 3 จะทราบหลังกรรมการรวบรวมคะแนน และประกาศผลออกมา ทั้งนี้ คะแนนในแต่ละยกจะมี 10 คะแนน3 ยก รวม 30 คะแนน ผู้ที่ทำได้ดีกว่าในแต่ละยก จะได้ 10 คะแนนเต็ม “จะมีการใช้เทคโนโลยีสุ่มเลือกกรรมการ 3 คน ให้ชี้แจงการให้คะแนน และหากผลการให้คะแนนของกรรมการทั้ง 3 คนนี้เหมือนกัน จะถือว่านักมวยคนนั้นชนะคะแนนอย่างเป็นเอกฉันท์ ในกรณีที่ผลคะแนนแตกต่างกันนักมวย ที่ได้รับคะแนนมากกว่าจาก 2 ใน 3 ของกรรมการจะถือว่าเป็นผู้ชนะคะแนนอย่างไม่เป็นเอกฉันท์ ซึ่งผู้ประเมิน ผู้สังเกตการณ์ผู้ชี้ขาด ผู้ตัดสิน จะทำหน้าที่ประเมิน และตรวจสอบการทำหน้าที่ของผู้ตัดสินอย่างต่อเนื่องตลอดการแข่งขัน” คุณหญิงปัทมา กล่าว สำหรับมวยสากลสมัครเล่น ในมหกรรมกีฬาโอลิมปิก โตเกียว 2020 จะแข่งขันระหว่างวันที่ 24 กรกฎาคม-8 สิงหาคมนี้ ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น โดยในครั้งนี้ ไอโอซี ได้เลือก “อ.เค้ก” รศ.ดร.ไพบูลย์ ศรีชัยสวัสดิ์ จากประเทศไทย ทำหน้าที่เป็นผู้ประเมิน ผู้สังเกตการณ์ ผู้ชี้ขาด ผู้ตัดสิน ส่วน อ.กานต์ นักลำ ทำหน้าที่เป็นผู้ตัดสิน -สำนักข่าวไทย.

2 จอมเตะ เทนนิส-จูเนียร์ ขึ้นตาชั่งผ่านฉลุย

23 ก.ค.64-ความเคลื่อนไหวการเก็บตัวฝึกซ้อมของ 2 นักกีฬาเทควันโดทีมชาติไทย ชุดสู้ศึกโอลิมปิกเกมส์ 2020 ที่กรุงโตเกียวประเทศญี่ปุ่น ทั้ง “เทนนิส”พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ จอมเตะเบอร์ 1 ของโลก ในรุ่น 49 กก. และ “จูเนียร์”รามณรงค์ เสวกวิหารี นักเทควันโดหนุ่มรุ่น 58 กก. เข้าสู่วันที่หกของการฝึกซ้อม โดยช่วงเช้า “เสี่ยบิ๊ก”ธนฑิตย์ รักตะบุตร ผู้จัดการทีม พร้อมด้วย โค้ช เช ยอง ซอก ได้นำนักกีฬาไปชั่งน้ำหนักก่อนการแข่งขัน 1 วัน ซึ่ง ผลปรากฏว่า ทั้ง เทนนิส และ จูเนียร์ ชั่งผ่านพิกัดของตัวเองสบาย โดย พาณิภัค หนัก 48.7 กก. และรามณรงค์  57.5  กก. ซึ่งทั้งคู่ต่ำกว่าพิกัดเล็กน้อย   “โค้ชเช” เช ยอง ซอก กล่าวว่า วันนี้ทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว การชั่งน้ำหนักก็ผ่านไปด้วยดี นักกีฬาสามารถกินอาหารได้เต็มที่ เหลือแค่เพียงการแข่งขัน ซึ่งในช่วงบ่ายเราได้หาที่ฝึกซ้อมเบาๆ เพราะที่เมกุโระ ยิมเนเซี่ยมเซ็นเตอร์ ปิด เนื่องจากฝ่ายจัดต้องการให้นักกีฬาไปร่วมพิธีเปิดการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ ทำให้เรามาฝึกซ้อมที่ฟิตเนสตรงข้ามที่พักนักกีฬา ซึ่งไม่ได้ฝึกหนักอะไรมาก เพียงแค่วอร์มร่างกาย และทบทวนเทคนิคต่างๆก่อนการแข่งขัน จากนั้นหลังจากทานอาหารเย็นจะให้นักกีฬามาคุยกันอีกครั้งเพื่อรวมแรงใจเพื่อก้าวไปให้ถึงเป้าหมาย  โค้ชเช ยังกล่าวต่ออีกว่า สำหรับสายการแข่งขัน เรารู้มาก่อนแล้วว่านักกีฬาไทยทั้ง 2 รุ่น จะอยู่สายบนหรือสายล่าง เพราะโอลิมปิก ครั้งนี้ จัดตามแร็งกิ้งโลก แต่ในโอลิมปิกเกมส์ นอกจาก 6 อันดับแรกของโลกแล้ว ที่เหลือทุกคนต้องการตัวมาจากทวีปต่างๆ ซึ่งเป็นคนเก่งทั้งนั้น โดยในรุ่นของ จูเนียร์ รอบแรก เจอ ออสเตรเลีย ซึ่งฝีมือไม่ธรรมดา เขาเคยแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ 3 ครั้งรวมครั้งนี้ โดยมีข้อดีคือรูปร่างสูงถึง 191 ซม.เทียบกับ จูเนียร์  ต่างกันมาก แต่ถึงอย่างไร น้ำหนักเราเท่ากัน เราศึกษาเขามาว่าเล่นอย่างไรถึงจะดีที่สุด และสิ่งที่สำคัญ จูเนียร์ ถ้ามั่นก็มีโอกาส เพราะเทคนิค ความคล่องตัวเราดีกว่าเขา  ส่วนน้องเทนนิส เรามีแร็งกิ้งเป็นเบอร์ 1 ซึ่งในรุ่นนี้ แร็งกิ้งอันดับ 16 กับ 17 ต้องเตะกันก่อน โดยคู่นี้ใครชนะจะเจอกับเรา ซึ่งเราก็ต้องดูเขาแข่งขันระหว่าง อิสราเอล กับ เปอร์โตริโก้ ซึ่งตนมองว่าน่าจะเป็นอิสราเอล โดยเราได้ศึกษาการเล่นของเขามาน่าจะชนะได้ ส่วนรอบสอง เราเจอน่าจะเป็นเวียดนาม ซึ่งเขาเป็นเจ้าของเหรียญทองชิงแชมป์เอเชีย เมื่อเดือนที่แล้ว ซึ่งเราเคยเจอกันมาแล้วก็เอาชนะมาได้ ไม่น่ามีปัญหา ส่วนรอบรอง ชนะเลิศ โอกาสจะได้เจอระหว่าง ไทเป กับเกาหลีใต้ โดยผมมองว่า โอกาสชนะให้ไทเป 60% เกาหลี 40% ซึ่งถ้าเป็นใครเราก็ต้องศึกษาอีกทีหนึ่ง โดยตอนนี้พวกเราเรื่องเทคนิค ความพร้อมเรา 100% จิตใจเราเต็มที่ ต้องดูว่าวันแข่งขันเป็นวันดี ไม่ตื่นเต้นเท่าไหร่ ซึ่งตนพูดตลอดว่า ครั้งนี้อย่าคิดว่าเป็นโอลิมปิก ให้คิดว่าเป็นการแข่งกรังด์ปรีซ์หรือเทสอีเวนต์ และยิ่งดีไม่มีคนดู เงียบ โดยบอกทั้งสองคนก็เข้าใจและดีขึ้น ผมเชื่อในทั้ง 2 คน เต็มที่ ต่อข้อถามที่ว่า สื่อต่างชาติยกให้เกาหลีใต้ เป็นเต็งเหรียญทอง โค้ช เช กล่าวว่า ที่ผ่านมาเราเคยเตะกันมา 4-5 ครั้ง เราชนะมาได้หมด แต่กีฬาต่อสู้ มีแพ้ มีชนะ ซึ่งสไตล์การต่อสู้เราดีกว่าเยอะจริงๆ ส่วนตัวแล้วเป็นห่วงคือเจอไทเปเพราะเขาเป็นนักกีฬารุ่น 53 กก. เคยได้เหรียญทองแดง เอเชี่ยนเกมส์ เขาลดน้ำหนักลงมาแข่ง เราไม่เคยเจอ แต่ก็ยังมั่นใจ เรารอนานมาก รอ 1 ปีกว่า ขอให้คนไทยเชียร์กันดังๆ เราสู้ จะทำผลงานให้ดีที่สุด-สำนักข่าวไทย.

“น้องฟ้า” สวดมนต์นั่งสมาธิ ไร้ความกดดันในการลงชิงชัย “โอลิมปิก”

23 ก.ค.64-“เสธ.หมึก” พลเอกเดชา เหมกระศรี นายกสมาคมกีฬาจักรยานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เปิดเผยว่าหลังจากที่ทีมจักรยานบีเอ็มเอ็กซ์เรซซิ่ง ประกอบด้วย “น้องฟ้า” น.ส.ชุติกาญจน์ กิจวานิชเสถียร และ “มิ้ง” น.ส.วรัญญา แซ่แต้ นักกีฬาตัวสำรอง พร้อมด้วย “โค้ชบอส” นายอัถร ไชยมาโย ผู้ฝึกสอน เดินทางถึงประเทศญี่ปุ่นเมื่อเช้าวันที่ 22 กรกฎาคม ที่ผ่านมา เพื่อเตรียมเข้าร่วมการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ภาคฤดูร้อน ครั้งที่ 32 “โตเกียว2020” ล่าสุด เมื่อวันศุกร์ที่ 23 กรกฎาคม โค้ชอัถร ได้รายงานมาว่า ทางสถานเอกอัครราชฑูตไทย ณ กรุงโตเกียว รวมทั้งเจ้าหน้าที่ของคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ ได้ดูแลต้อนรับเป็นอย่างดีตั้งแต่ถึงสนามบิน และพาเดินชมสถานที่ต่าง ๆ ภายในหมู่บ้านนักกีฬา พร้อมอธิบายขั้นตอนการปฏิบัติตัวอย่างละเอียด โค้ชอัถร ไชยมาโย กล่าวว่า สำหรับสภาพความเป็นอยู่ในหมู่บ้านนักกีฬามีความสะดวกสบายมาก อาหารการกินอุดมสมบูรณ์ นักกีฬารับประทานอาหารได้โดยไม่มีปัญหาอะไร ด้านนักกีฬาทั้งสองคน คือ ชุติกาญจน์ กับ วรัญญาต่างมีสภาพจิตใจดี ร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ และพร้อมที่จะลงแข่งขัน ส่วนแผนการฝึกซ้อมในวันที่ 23 กรกฎาคม ช่วงเช้า เวลา 09.00 น. ตามเวลาท้องถิ่นซึ่งเร็วกว่าประเทศไทย 2 ชั่วโมง ตนเองได้ให้นักกีฬาเข้าโรงยิมเล่นฟิตเนส เพื่อสร้างความแข็งแกร่งของกล้ามเนื้อ และเพิ่มพละกำลังแรงระเบิดในการออกสตาร์ต ช่วงบ่าย ๆ ก็ให้นักกีฬาพักผ่อนอย่างเต็มที่ จากนั้นช่วงเย็นเวลา 16.45 น. ให้ปั่นจักรยานเบา ๆ เพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อ และตอนค่ำเวลา 19.30 น. ตนได้เข้าร่วมประชุมผู้จัดการทีม เพื่อรับทราบกฏกติกาต่าง ๆ ด้าน “น้องฟ้า” ชุติกาญจน์ กล่าวว่า “ตอนนี้สภาพร่างกายสมบูรณ์เต็มร้อย ส่วนอาการบาดเจ็บที่นิ้วก้อยมือซ้ายก็เกือบจะหายเป็นปกติแล้ว ไม่เป็นอุปสรรคต่อการแข่งขันแต่อย่างใด สำหรับการฝึกซ้อมในสนามแข่งขันจริง ทางเจ้าภาพจะเปิดให้นักกีฬาซ้อมในวันที่ 25 กรกฎาคม ช่วงนี้โค้ชอัถรก็จะเน้นการเล่นฟิตเนสในยิม และการปั่นเบา ๆ ภายในหมู่บ้านไปก่อน ด้านสนามแข่งขันถือว่าไม่ยากแต่ก็ไม่ง่ายจนเกินไป จัดว่ามีความยากในระดับกลาง ๆ ซึ่งฟ้าเคยมาแข่งขันที่สนามแห่งนี้แล้วเมื่อปลายปี 2563 จึงไม่มีความกดดัน หรือความวิตกกังวลใด ๆ นอกจากนี้ฟ้าได้สวดมนต์ไหว้พระและทำสมาธิทุกวัน ตามคำแนะนำของท่านนายกสมาคมกีฬาจักรยานฯ พลเอกเดชา เหมกระศรี เพื่อที่วันแข่งขันจะได้มีสมาธิและจิตใจสงบนิ่ง ไม่วอกแวก ซึ่งการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ในครั้งนี้ฟ้าจะขอทำหน้าที่ให้ดีที่สุด” พลเอกเดชา กล่าวเสริมอีกว่า ด้านความเคลื่อนไหวของ “บีซ” ร้อยโทหญิง จุฑาธิป มณีพันธุ์ นักกีฬาจักรยานประเภทถนน ล่าสุด เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม “โค้ชตั้ม” วิสุทธิ์ กสิยะพัท ผู้ฝึกสอน ได้ให้ จุฑาธิป ปั่นเบา ๆ รอบทะเลสาบคาวากูจิโกะ ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง เพื่อฟื้นฟูสภาพร่างกาย หลังจากฝึกซ้อมหนักมาแล้วเมื่อวันก่อน จากนั้น โค้ชวิสุทธิ์ได้เข้าประชุมผู้จัดการทีม โดยทีมไทยจะใช้รถร่วมกับทีมคิวบา เนื่องจากเจ้าภาพให้แต่ละชาติจับคู่กันเพื่อลดจำนวนรถประจำทีมในระหว่างการแข่งขัน นอกจากนั้นมีการจับสลากหมายเลขประจำตัวนักกีฬา ปรากฏว่า จุฑาธิป ได้หมายเลข 46 ในการแข่งขันวันอาทิตย์ที่ 25 กรกฎาคม นี้ สำหรับนักกีฬาจักรยานทีมชาติไทยมีโปรแกรมการแข่งขันดังนี้ จุฑาธิป มณีพันธุ์ แข่งขันประเภทถนนหญิง ระยะทาง137 กม. ในวันอาทิตย์ที่ 25 กรกฎาคม เริ่มเวลา 11.00 น. ตามเวลาในประเทศไทย-สำนักข่าวไทย

วินด์เซิร์ฟไทยไปให้ถึงท็อปเท็น “ดาว” ศิริพร แอบหวังเหรียญ

23 ก.ค.64–ทีมวินด์เซิร์ฟไทย ประกอบด้วย “ดาว” ศิริพร แก้วดวงงาม ประเภทอาร์เอสเอ็กซ์หญิง และ“โอ๊ต”ณัฐพงษ์โพธิ์นพรัตน์ ประเภทอาร์เอสเอ็กซ์ชาย ยังคงปักหลักฝึกซ้อมอย่างหนักทุกวัน ก่อนสู้ศึกโอลิมปิกเกมส์ โตเกียว 2020 หลังจากเป็นทีมนักกีฬาไทยชุดแรกที่เดินทางถึงประเทศญี่ปุ่น และฝึกซ้อมมาตั้งแต่วันที่ 15 กรกฎาคม ที่เอโนะชิมะยอร์ช ฮาร์เบอร์ จังหวัดคานางาวะ สองนักโต้คลื่นไทย ร่วมกันเปิดเผยว่า การเดินทางมาฝึกซ้อมที่สนามจริงตั้งแต่ช่วงกลางเดือนกรกฎาคม ทำให้มีเวลาปรับตัวให้เข้ากับสภาพอากาศที่เริ่มร้อนขึ้น มีคลื่นลมปกติ บางครั้งก็ลมเบา แต่ส่วนใหญ่นั้นคล้ายกับที่ประเทศไทยถือว่าปรับตัวได้ไม่ยากส่วนเรื่องการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 เจ้าภาพก็ทำได้ดี และจำนวนผู้คนที่นี่ก็ไม่มากนัก อย่างไรก็ตามตัวเองก็ต้องป้องกันตัวและระมัดระวังอย่างเต็มที่  ส่วนความหวังของกีฬาวินด์เซิร์ฟไทยในโอลิมปิกเกมส์ โตเกียว 2020 ทีมผู้ฝึกสอนแจ้งว่า ทั้ง 12 เรซ จะต้องพยายามเกาะติดอันดับ 5-6-7 ให้ได้ เพื่อที่จะทำคะแนนติดท็อป 1-10 เข้าสู่รอบชิงเหรียญ โดย “ดาว” ศิริพร กล่าวเสริมว่า แม้จะเป็นเรื่องยากที่จะได้เหรียญ แต่ใจลึก ๆ ก็หวังจะได้เหรียญใดเหรียญหนึ่งมาฝากเป็นของขวัญให้คนไทย สำหรับโปรแกรมการแข่งขันวินด์เซิร์ฟ โอลิมปิกเกมส์ โตเกียว 2020 นักกีฬาโต้คลื่นของไทยจะลงชิงชัยวันแรกคือ 25 กรกฎาคมนี้-สำนักข่าวไทย.

ตั้ง”อุดมเดช”เป็นหัวเรือใหญ่ ดัน”มวยไทย”ชิงชัยโอลิมปิก

23 ก.ค.64-ภายหลังจากที่ประชุมสมัชชาใหญ่ ครั้งที่ 138 ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น คณะกรรมการโอลิมปิกสากล (ไอโอซี) ลงมติโหวตให้การรับรองกีฬามวยไทย และสหพันธ์มวยไทยนานาชาติ (อิฟมา) เข้าเป็นสมาชิกแบบถาวร ถือเป็นอีกก้าวที่สำคัญที่คนไทยและคนทั่วโลก อาจจะได้ชมการแข่งขันกีฬามวยไทย ที่จะได้รับการบรรจุแข่งขันในกีฬาโอลิมปิกเกมส์ เกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้นั้น ล่าสุด พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร นายกสมาคมสหพันธ์มวยไทยนานาชาติ หนึ่งในคีแมนย์คนสำคัญที่เป็นแรงขับเคลื่อนให้เกิดความสำเร็จครั้งนี้ เปิดเผยว่า ส่วนตัวรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งมาก เป็นวันที่น่าภาคภูมิใจของคนไทย และของสมาชิกอิฟมาทั่วโลก เป็นเวลาเกือบ 30 ปีแล้วที่เราได้ร่วมกับรัฐบาล, คณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ และองค์กรกีฬาต่างๆ ในการปฎิบัติตามครรลองของโอลิมปิก เพื่อให้กีฬามวยไทยเป็นที่รู้จักและเป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ ทำให้ อิฟมา เป็นเพียงองค์กรเดียวเท่านั้น ที่ ไอโอซี ให้การรับรองด้านกีฬามวยไทย จึงนับว่าเป็นความสำเร็จอีกขั้นหนึ่งที่สำคัญ สำหรับการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเกมส์นั้น จะประกอบด้วยกีฬาหลัก 28 ชนิดกีฬา และกีฬาบรรจุใหม่ อีก 5 ชนิดกีฬา ที่ไอโอซีและประเทศเจ้าภาพ จะร่วมกันพิจารณา โดยคัดเลือกจากกีฬาที่ได้การรับรองแบบถาวรจากไอโอซี และเป็นสมาชิกของ ARISF (Association of IOC Recognised International Sport Federations) ซึ่งปัจจุบัน อิฟมา เป็นสมาชิกของ ARISF แล้ว ดังนั้นการรับรองจากการที่ประชุมใหญ่ของไอโอซี เมื่อวันที่ 20 ก.ค. จึงหมายความว่ากีฬามวยไทยมีคุณสมบัติครบถ้วนทุกประการ พร้อมแล้วที่จะให้ไอโอซีและชาติเจ้าภาพ ได้คัดเลือกเข้าไปบรรจุเป็นกีฬาที่ใช้แข่งขันในโอลิมปิกต่อไป พล.อ.อุดมเดช กล่าวต่อว่า อิฟมา ยังคงต้องมุ่งมั่นปฎิบัติตามกฏเกณฑ์ของไอโอซี อย่างต่อเนื่อง เช่น นักกีฬาต้องไม่ใช้สารต้องห้าม, ป้องกันการทุจริตในการแข่งขัน และการใช้แรงงานเด็ก ฯลฯ เป็นต้น และควรกำหนดมาตรฐานมวยไทย One Standard Muaythai (OSM) เพื่อให้ นักกีฬา, ผู้ฝึกสอน, ผู้ตัดสิน และผู้ที่เกี่ยวข้องทุกคนได้ ยึดถือปฏิบัติ เพื่อแสดงถึงความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของกีฬามวยไทย และควรสร้างชื่อเสียงให้กีฬามวยไทยเป็นที่รู้จักแพร่หลายมากยิ่งขึ้น โดยการผลักดันให้มีการบรรจุกีฬามวยไทยในการแข่งขันระดับนานาชาติ ที่สำคัญต่างๆ ปัจจุบันที่สำเร็จแล้ว เช่น การแข่งขันกีฬายูโรเปี้ยนเกมส์ ที่โปแลนด์ และการแข่งขันกีฬาเวิลด์คอมแบตเกมส์ ที่ซาอุดิอาราเบีย ในปี 2566  “ผมและสมาชิกอิฟมาทุกคนรู้สึกไม่ต่างจากพี่น้องคนไทย ที่อยากเห็นกีฬามวยไทยในการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ ที่ประเทศฝรั่งเศส ในปี 2024 และเมื่อวันที่ 23 มิ.ย. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการการกีฬาแห่งประเทศไทย (บอร์ด กกท.) ได้ลงนามแต่งตั้งคณะอนุกรรมการการขับเคลื่อนกีฬามวยไทยสู่โอลิมปิก ตามมติของบอร์ด กกท. โดยมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นประธานคณะอนุกรรมการอำนวยการ และผมเป็นประธานคณะอนุกรรมการดำเนินการขับเคลื่อนกีฬามวยไทยสู่โอลิมปิกเกมส์ ซึ่งเป็นความร่วมมือกันจากทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และบุคลากรที่สำคัญในวงการกีฬามวยไทย ทำให้ผมมีความมั่นใจมากว่า เป้าหมายของพวกเราที่อยากจะเห็นการแข่งขันกีฬามวยไทย ในมหกรรมกีฬาโอลิมปิกเกมส์ อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมแล้ว และกีฬามวยไทย จะเป็นกีฬาชนิดแรกในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเกมส์ ที่มีชื่อประเทศอยู่ในชื่อกีฬา นำมาซึ่งความภาคภูมิใจอย่างยิ่งของคนไทยทุกคน ในเร็วๆ นี้แน่นอน” นายกสมาคมสหพันธ์มวยไทยนานาชาติ กล่าว.-สำนักข่าวไทย

ขว้างจักรสาว “สุเบญรัตน์” นำหนักลด พร้อมลุยโตเกียวเกมส์ 2020

23 ก.ค.64-ส.ต.ต.หญิงสุเบญรัตน์ อินแสง นักกีฬาขว้างจักรทีมชาติไทยได้ออกเดินทางไปสมทบกับทีมนักกีฬาไทยเพื่อร่วมมหกรรมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเกมส์ โตเกียว 2020 ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เป็นที่เรียบร้อยแล้ว พร้อมด้วยMr.Reedus Devon Thurmond ผู้ฝึกสอนชาวอเมริกัน   นักกีฬาขว้างจักรสาวไทย กล่าวว่า นี่เป็นโอลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 2 ในชีวิต โดยก่อนหน้านี้เคยเข้าร่วมการแข่งขันมหกรรมกีฬานี้มาแล้วที่ประเทศบราซิล ในศึก “ริโอ เดอ จาเนโร 2016” ซึ่งการผ่านเข้ามาร่วมโอลิมปิกเกมส์ ที่กรุงโตเกียวของตนเองในครั้งนี้ ยอมรับว่าเป็นความโชคดีอย่างมากที่การแข่งขันถูกเลื่อนจากปีที่แล้วมาจัดในปีนี้ ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด 19 ทำให้ในการแข่งขันรอบคัดเลือกเพื่อคัดโควตานักกีฬาหลายรายการไม่สามารถจัดการแข่งขันได้ การฝึกซ้อมของตนเมื่อปีที่ผ่านมาก็ไม่สามารถทำได้เต็มที่ หากจัดในปีที่ผ่านมาตนก็คงไม่มีโอกาสมาร่วมการแข่งขัน “โอลิมปิกเกมส์รอบนี้หนูผ่านควอลิฟายเข้าไปในฐานะนักกีฬาอันดับที่ 31 ซึ่งก็เป็นโควตารองสุดท้าย แม้จะรู้ตัวว่าจะได้เข้าร่วมการแข่งขันไม่นานนัก แต่ในช่วงที่ผ่านมา สมาคมกีฬากรีฑาฯได้วางแผนการฝึกซ้อมให้อย่างเข้มข้นมาตลอด รวมถึงการเปลี่ยนผู้ฝึกสอนมาเป็นชาวอเมริกันคนนี้ได้มีการปรับเทคนิคให้เยอะมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปรับจังหวะการขว้างใหม่ จากที่ไม่เคยกระโดดขว้าง ก็ต้องปรับเป็นการกระโดดขว้างเพื่อให้มีแรงส่งมากขึ้น จะขว้างได้ไกลขึ้น ที่สำคัญคือการลดน้ำหนักตัวของตัวเอง โอลิมปิกเกมส์ที่บราซิล หนูมีน้ำหนักตัวที่ 126 กิโลกรัม ตอนนี้น้ำหนักตัวลดลงมาอยู่ที่ 98 กิโลกรัม การปรับไขมันให้เป็นกล้ามเนื้อ ทำให้ร่างกายมีความแข็งแรงและกระฉับกระเฉง มีความคล่องตัวมากขึ้น ที่สำคัญยังมีผลให้การทรงตัว การปรับท่ายืนและการขว้างมีความมั่นคง ส่งผลต่อประสิทธิภาพในการขว้างที่ดีขึ้น” สุเบญรัตน์ กล่าวอีกว่า โอลิมปิกเกมส์ครั้งนี้ ตนมีการเตรียมตัวฝึกซ้อมที่ดีมากกว่าโอลิมปิกเกมส์ครั้งก่อน สภาพร่างกายแข็งแรงดีมาก ไม่มีอาการบาดเจ็บ และค่อนข้างมีความมั่นใจมากกว่าเดิม ทำให้ตนวางเป้าหมายไว้ที่การทำผลงานการขว้างให้ได้ 61.97 เมตร ซึ่งเป็นสถิติที่ตนเคยทำได้ในการแข่งขันที่สาธารณรัฐเชกเมื่อปี 2018 ผ่านมาจะ 3 ปีแล้วก็ยังไม่เคยทำสถิตินี้ได้อีกเลย ซึ่งโอลิมปิกเกมส์ครั้งนี้ก็จะเป็นรายการที่ทำให้ตนมีโอกาสกลับมาพิสูจน์ความสามารถอีกครั้งแม้จะยังไม่สามารถทำให้ไปถึงการคว้าเหรียญรางวัล แต่ก็จะเป็นการทำให้ทั่วโลกได้เห็นมาตรฐานของนักกรีฑาไทยที่มีความสามารถพอสำหรับการแข่งขันมหกรรมกีฬาที่ยิ่งใหญ่นี้ สำหรับ สุเบญรัตน์ อินแสง จะลงทำการแข่งขันกีฬาขว้างจักรหญิง ซึ่งโปรแกรมการแข่งขันรอบคัดเลือกโดยแบ่งการแข่งขันออกเป็นกลุ่ม เอ และ กลุ่ม บี ในวันที่ 31 กรกฎาคมนี้-สำนักข่าวไทย.

ความประทับใจจากจังหวัดคิตะคิวชูถึงเทควันโดไทย

นักกีฬาเทควันโดทีมชาติไทย ได้รับของขวัญจากจังหวัดคิตะคิวชู จัดส่งผ้าขนหนู ภาพเหมือนและการ์ดอวยพร เพื่อเป็นกำลังใจเชียร์ให้ประสบความสำเร็จ

ผอ.องค์การอนามัยโลก ให้กำลังใจนักกีฬาโอลิมปิก

22 ก.ค.64-คุณหญิงปัทมา ลีสวัสดิ์ตระกูล กรรมการคณะกรรมการโอลิมปิกสากล ไอโอซี ต้อนรับ นายทีโดรส อัคฮานอม กรีเบรเยซุส ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก (WHO) กล่าวให้กำลังใจนักกีฬา,ไอโอซีและเจ้าภาพ โอลิมปิกญี่ปุ่น ขอให้ร่วมใจสู้โควิด-19 ผ่านพ้นไปด้วยกัน ณ ห้องประชุมใหญ่ไอโอซี  ครั้งที่ 138  รร.โอกุระ โตเกียว-สำนักข่าวไทย

ขี่ม้าไทยจากยุโรปถึงญี่ปุ่น พร้อมลุยโตเกียว 2020

22 ก.ค.64 –นักกีฬาขี่ม้าทีมชาติไทยชุดโอลิมปิกเกมส์ โตเกียว 2020 และเจ้าหน้าที่ทีม ต้องเดินทางจากสถานที่ฝึกซ้อมในประเทศฝรั่งเศสเข้าสู่สถานที่กักกันตัวม้า (Pre-export Quarantine) ที่ประเทศเยอรมนี ตั้งแต่วันที่ 11-20 กรกฎาคมที่ผ่านมา ก่อนเดินทางสู่ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม ในขณะที่ม้าได้ถูกเคลื่อนย้ายจากสถานที่กักกันตัว ประเทศเยอรมนี ไปพักคอยและขึ้นเครื่องบินที่ประเทศเบลเยียมในคืนวันที่ 19 กรกฎาคม เพื่อให้เดินทางถึงพร้อมกับนักกีฬา  3 นักกีฬาขี่ม้าและม้ากีฬาของไทย ประกอบด้วย “มิ้น” อาริย์ณัฏฐา ชวตานนท์ และม้า Boleybawn Prince, “บอมบ์” วีรภัฎ ปิฏกานนท์ และม้า Carnival March, “นัท” กรธวัชสำราญ และม้า Bonero K ลงทำการฝึกซ้อมที่ อีเควสเทียนปาร์ค เป็นวันแรกเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม ท่ามกลางสภาพอากาศที่ค่อนข้างร้อน อย่างไรก็ตาม เจ้าภาพมีความพร้อมในการเตรียมจัดการแข่งขันเป็นอย่างดี โดยมีการติดตั้งเครื่องปรับอากาศในคอกม้าทุกจุดตลอด 24 ชั่วโมง รวมทั้งได้จัดซุ้มพ่นละอองน้ำ ถังน้ำแข็ง คูลดาวน์ตามเส้นทางอีกด้วย การแข่งขันขี่ม้า ประเภทอีเวนติ้ง เป็นการรวมการแข่งขัน 3 ประเภทเข้าด้วยกัน ได้แก่ โชว์จัมปิ้ง (ขี่ม้ากระโดดข้ามเครื่องกีดขวาง), เดรสสาจ (ศิลปะการบังคับม้า) และครอสคันทรี (ขี่ม้าในภูมิประเทศ) ถือเป็นกีฬาประเภททีมหนึ่งเดียวของไทยในโอลิมปิกเกมส์ โตเกียว 2020 และเป็นครั้งแรกของทัพนักกีฬาไทย หลังจากที่เคยได้โควตาแข่งขันในประเภทบุคคลในโอลิมปิกเกมส์ เอเธนส์ ปี 2004 จาก “ปูไข่” พงศ์สิรี บรรลือวงศ์ และโอลิมปิกเกมส์ ลอนดอน ปี 2012 จาก ณีนา รุจิราภรณ์ ล่ำซำ ลิเกิ้น โปรแกรมการแข่งขันขี่ม้า ประเภทอีเวนติ้ง ในโอลิมปิกเกมส์ โตเกียว 2020  ระหว่างวันที่ 29 กรกฎาคม – 2 สิงหาคม2564 29 กรกฎาคม: การตรวจม้าครั้งที่ 1 30 กรกฎาคม: ศิลปะบังคับม้า (dressage) #1 31 กรกฎาคม: ศิลปะบังคับม้า (dressage) #2 1 สิงหาคม: ครอสคันทรี (Cross Country) 2 สิงหาคม: กระโดดข้ามเครื่องกีดขวาง (Jumping)

“เทนนิส-จูเนียร์” ไร้ปัญหา คุมน้ำหนักเข้าที่พร้อมลงสู้ศึกโอลิมปิกเกมส์

22 ก.ค.64-ความพร้อมของทีมเทควันโดไทย ชุดลุยศึกโอลิมปิกเกมส์ 2020 ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งจอมเตะไทย ประกอบด้วย “น้องเทนนิส” พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ อันดับ 1 ของโลก รุ่น 49 กก.หญิง และ “จูเนียร์” รามณรงค์เสวกวิหารี จอมเตะหนุ่มรุ่น 58 กก. จะเป็นนักกีฬาไทยชุดแรก ลงแข่งขันเพื่อลุ้นเหรียญ ในวันที่ 24 ก.ค.นี้ เวลาประมาณ 08.00 น. ตามเวลาประเทศไทย ทีมจอมเตะของไทย ยังคงฝึกซ้อมตามโปรแกรมปกติทั้งที่หมู่บ้านนักกีฬาและสนามฝึกซ้อม โดยมอบหมายให้ “โค้ชชิต” นายวิชิต สิทธิกัณฑ์ คุมทีมลงฝึกซ้อม ขณะที่ “เสี่ยบิ๊ก” นายธนฑิตย์ รักตะบุตร ผู้จัดการทีม และ “โค้ชเช” เช ยอง ซอก หัวหน้าผู้ฝึกสอน ได้เข้าร่วมการประชุมทีมหัวหน้านักกีฬา  “เสี่ยบิ๊ก” นายธนฑิตย์ รักตะบุตร กล่าวว่า ตอนนี้ทั้งพาณิภัคและรามณรงค์ ฟิตพร้อมสมบูรณ์ดี ไม่มีปัญหาการบาดเจ็บ รวมทั้งน้ำหนักก็อยู่ในพิกัด ไม่ขาดไม่เกิน ทั้งสองคนพร้อมขึ้นชั่งน้ำหนักและลงแข่งขันเต็มที่แน่นอน ส่วนเรื่องของอาหารการกินเราไม่ได้ให้นักกีฬาไปกินที่โรงอาหารในหมู่บ้านนักกีฬาแล้วเพราะว่าไม่อยากให้เสี่ยงต่อโรคโควิด-19 โดยเมื่อเย็นวันก่อนทางโค้ชเช ได้ลงมือทำข้าวผัดกิมจิและซุปกิมกิให้ทีมนักกีฬาไทยได้รับประทานกัน สำหรับการแข่งขันเทควันโด ในศึกโอลิมปิกเกมส์ 2020 จะแข่งขันวันแรก ในวันที่ 24 ก.ค. เริ่มรอบแรก เวลาประมาณ08.00 น. ตามเวลาประเทศไทย หากผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศ ได้สำเร็จ จะแข่งขันในเวลาประมาณ 19.30 น. นั้น ในรุ่น49 กก.หญิง ซึ่งมีนักกีฬาทั้งหมด 17 คน สายบน “น้องเทนนิส” พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ มืออันดับ 1 ของโลก และเป็นเต็ง1 ของรายการ รอบแรก หรือ รอบ 16 คนสุดท้าย จะรอพบผู้ชนะที่มาจากรอบคัดเลือก ระหว่าง อบิสแฮก เซมเบิร์ก มือวาง 16 จากอิสราเอล หรือ วิคตอเรีย สตัมเบิช มือวาง 17 จากเปอร์โตริโก หากเข้ารอบ 8 คน จะพบกับผู้ชนะระหว่างยอง เวตเต มือวาง 9 จากแคนาดา หรือ เทรือง ธิ คิม ทูเย็น มือวาง 8 จากเวียดนาม อีกฝั่ง ซู โป-ยา มือวาง 13 จากไต้หวัน พบกับ มิยุ ยามาดะ มือวาง 4 จากญี่ปุ่น หากเข้ารอบ 8 คน จะไปพบกับผู้ชนะระหว่าง ซิม แจยอง มือวาง 5 จากเกาหลีใต้ หรือ อูไมมา เอล บุชติ มือวาง 12 จากโมร็อกโก ส่วนสายล่าง อาเดรียนา อิเกรเซียส  เซเรโซ มือวาง 15 จากสเปน พบ ทิยานา บอกดาโนวิช มือวาง 2 จากเซอร์เบีย ผู้ชนะคู่นี้จะเข้ารอบ 8 ไปเจอกับผู้ชนะระหว่าง หวู จิงหยู มือวาง 7 เจ้าของเหรียญทอง โอลิมปิกเกมส์ 2 สมัยจากจีน หรือดินา พาวยูเนส มือวาง 10 จากทีมผู้ลี้ภัย อีกฝั่งของสายนี้ อันเดรีย รามิเรซ วาร์กัส มือวาง 11 จากโคลอมเบีย พบกับ คริสตินา โทมิช มือวาง 6 จากโครเอเชีย ใครชนะจะเข้ารอบ 8 คน ไปพบกับ รูกิเย ยิลดิริม มือวาง 3 จากตุรกี หรือ นูร์อับเดลซาลาม มือวาง 14 จากอิยิปต์  ทั้งนี้ จากการวิเคราะห์ของ “เอพี” สื่อยักษ์ใหญ่ ยกให้ ซิม แจยอง เป็นเต็ง 1 ที่จะคว้าเหรียญทอง เหนือกว่า “น้องเทนนิส” แต่ ทีมผู้ฝึกสอนของไทย ก็ได้เก็บรวบรวมข้อมูลต่างๆ เช่นกัน พร้อมวิเคราะห์ว่า ในรอบรองชนะเลิศ “น้องเทนนิส” น่าจะเจอกับ โป-ยา จากไต้หวัน ที่น่าจะผ่านจอมเตะสาวจากแดนโสมมากกว่า และมั่นใจด้วยว่า พาณิภัค จะเข้าไปชิงชนะเลิศ ที่คาดว่าจะต้องดวลกับ หวู จิงหยู คู่ปรับเก่า และ “น้องเทนนิส” จะคว้าเหรียญทองได้สำเร็จ ทางด้าน รุ่น 58 กก.ชาย นั้น สายล่าง “จูเนียร์” รามณรงค์เสวก วิหารี มือวาง 10 ของรายการ เจอศึกหนักตั้งแต่รอบแรก ที่จะพบบกับ ซาฟวาน คาลิล มือวาง 7 จากออสเตรเลีย หากชนะจะเข้ารอบ 8 คน ไปเจอผู้ชนะระหว่าง เจฟเฟอร์สัน เฟอร์นานเดซ โอเชา มือวาง 14 จากโคลอมเบีย หรือ วิโต เดลลาควิลา มือวาง 2 จากอิตาลี อีกฝั่ง เลาตาโร ลูคัสกุซมัน มือวาง 11 จากอาร์เจนตินา พบ แจ๊ค วูลลีย์ มือวาง 8 จากไอร์แลนด์ ใครชนะจะเข้ารอบ 8 คน ไปพบผู้ชนะระหว่าง อาร์มิน ไซกาลานี ฮาดิปัวร์ มือวาง 3 จากอิหร่าน หรือ โซโลมอน เดมซี มือวาง 13 จากเอธิโอเปีย ส่วนสายบน รอบ 16 คน โอมาร์ ซาลิม มือวาง 15 จากฮังการี พบ เซร์คิโอ ซูซูกิ มือวาง 4 จากญี่ปุ่น ใครชนะเข้าไปเจอผู้ชนะระหว่าง มิคาอิล อาร์ตาโมนอฟ มือวาง 5 จากทีมผู้ลี้ภัย พบ คาลิล เยนดูบี มือวาง 12 จากตูนีเซีย อีกฝั่ง อาเดรียน ยุนตา วินเซนต์ มือวาง 8 จากสเปน พบ รุย บรากันซา มือวาง 9 จากโปรตุเกส ใครชนะจะเข้าไปพบกับผู้ชนะระหว่าง จาง จุน เต็ง 1 ของรายการจากเกาหลีใต้ หรือ ไบรอัน เคิร์ท บาร์โบซา มือวาง 16 จากฟิลิปปินส์.-สำนักข่าวไทย.

“เศวต” ภูมิใจถือธงเปิด โอลิมปิกเกมส์ ส่งกำลังใจคืนกลับให้คนไทยต่อสู้กับโควิด -19

22 ก.ค.64-“บิ๊กแซม” เศวต เศรษฐาภรณ์ นักกีฬาเป้าบิน วัย 58 ปี ที่ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้ที่ร่วมถือธงชาติไทยนำขบวนพาเหรดทัพนักกีฬาไทยเข้าสู่พิธีเปิดการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์โตเกียว 2020 ร่วมกับ “เอิน” ณภัสวรรณ หย่างไพบูลย์นักกีฬายิงปืนหญิงทีมชาติไทยในช่วงค่ำวันที่ 23 กรกฎาคมนี้ ได้เปิดเผยว่า ต้องขอบคุณ “บิ๊กต้อม” นายธนา ไชยประสิทธิ์ หัวหน้าคณะนักกีฬาไทย ซี่งเป็นพี่ใหญ่ของพวกเราในการดูแลน้อง ๆ นักกีฬาทุกคน และได้ให้เกียรติมอบหมายภารกิจที่ยิ่งใหญ่นี้ให้ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์กีฬาโอลิมปิกเกมส์ ที่มีนักกีฬาถือธงชาติ 2 คน รู้สึกดีใจ และภูมิใจมาก ถือว่าฝันเป็นจริงในความพยายามทุ่มเทมา 17 ปีของการเป็นนักกีฬา ยืนยันว่าจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุดทั้งในการแข่งขัน และการเดินนำทัพนักกีฬาไทยเข้าสู่สนามในพิธีเปิดมหกรรมกีฬาที่ยิ่งใหญ่ที่สุด “ผมขอขอบคุณ คนไทยทุกคนที่ให้กำลังใจนักกีฬาทีมชาติไทยทุกคนที่มาสู้ศึกโอลิมปิกเกมส์ในครั้งนี้ ในทางกลับกันผม นักกีฬาและเจ้าหน้าที่ทุกคน ก็ขอส่งกำลังใจให้กับรัฐบาล บุคลากรทางการแพทย์ สาธารณสุข และผู้เกี่ยวข้องทุกท่าน ให้ต่อสู้กับโรคระบาดที่เกิดขึ้นในประเทศไทย อีกไม่นานเราจะกลับไปใช้ชีวิตอย่างเป็นสุขเหมือนเดิม”-สำนักข่าวไทย

1 64 65 66 67 68 88