ขอนแก่น 18 ม.ค. – ชาวบ้านกลุ่มสหกรณ์ชุมชนอำเภอบ้านฝาง จ.ขอนแก่น ทำสัญญาซื้อขายข้าวเปลือกพันธุ์ “ทับทิมชุมแพ” หรือ กข 69 กับบริษัท ข้าวสุวรรณภูมิ จำกัด ที่มารับซื้อข้าวจากชาวบ้านถึงที่ ราคากิโลกรัมละ 23 บาท สูงกว่าราคาในท้องตลาด และชาวบ้านยังทดลองผลิตนมข้นหวานจากข้าว เพื่อยกระดับข้าวหอมมะลิอินทรีย์จากชุมชน และเพิ่มรายได้ให้เกษตรกรในท้องถิ่น
ที่สหกรณ์ชุมชนอำเภอบ้านฝาง จำกัด จังหวัดขอนแก่น มีการทำสัญญาซื้อขายข้าวพันธุ์ทับทิมชุมแพ หรือ ข้าว กข 69 ซึ่งมีบริษัท ข้าวสุวรรณภูมิ จำกัด เดินทางมาซื้อถึงที่ จำนวน 5 ตัน รวมราคาทั้งหมด 115,000 บาท ส่วนข้าวสีแล้วแยกจำหน่ายที่สหกรณ์ฯ กิโลกรัมละ 100 บาท โดยมีนายประยูรภัทร์ ศรีศักดิ์นอก เกษตรอำเภอบ้านฝาง จ.ขอนแก่น เป็นสักขีพยาน
สหกรณ์ชุมชนอำเภอบ้านฝาง จำกัด ได้ทดลองปลูกข้าวทับทิมชุมแพ เป็นปีที่ 2 ซึ่งได้วางเป้าหมายว่าจะต้องปลูกให้ได้ข้าว 1 ไร่ 1 ตัน แบบอินทรีย์ปลอดสารพิษ ให้ผู้บริโภคปลอดภัย และต้องจำหน่ายข้าวให้ได้ราคาสูงกว่าท้องตลาด และในปีนี้ทดลองปลูกครั้งที่ 2 จึงประสบผลสำเร็จ ทำให้ได้ข้าวทับทิมชุมแพทั้งสิ้นจำนวน 10 ตัน แบ่งขายให้บริษัท ข้าวสุวรรณภูมิ จำกัด เพียง 5 ตัน ที่เหลือจะนำไว้ทำพันธุ์ จำหน่ายเอง และไว้รับประทาน ส่วนการขายครั้งนี้ได้ราคาที่เกษตรกรพึงพอใจเป็นอย่างมาก
ข้าวทับทิมชุมแพ หรือ กข 69 ที่สามารถทำราคาได้สูง เนื่องจากเป็นข้าวพันธุ์ผสมระหว่างข้าวหอมมะลิ 105 กับพันธุ์ข้าวสังข์หยดพัทลุง นำไปทดลองปลูกครั้งแรกที่ศูนย์วิจัยข้าวชุมแพ จ.ขอนแก่น โดยข้าวพันธุ์ทับทิมชุมแพ สามารถปลูกได้ทั้งปี ต้นเตี้ย ไม่หักล้มง่าย ลักษณะเมล็ดข้าวเมื่อหุงสุกจะมีสีแดงคล้ายทับทิม รสชาตินุ่ม หอม ด้านสารอาหารนั้น มีพฤกษเคมีสูง ผู้ป่วยโรคเบาหวานสามารถรับประทานได้ และช่วยลดความดันโลหิตจากไขมันในเลือดสูง ซึ่งเป็นผลวิจัยจากมหาวิทยาลัยขอนแก่น ในปัจจุบันสำนักงานพาณิชย์จังหวัดขอนแก่น อยู่ระหว่างขั้นตอนการขอขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) ให้กับข้าวพันธุ์ทับทิมชุมแพ เพื่อให้เป็นข้าวพันธุ์ประจำจังหวัดขอนแก่น
ทางสหกรณ์ชุมชนอำเภอบ้านฝาง จำกัด ยังได้ร่วมมือกับคณะเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี และอุทยานวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เพื่อปรับปรุงคุณภาพและนำองค์ความรู้สมัยใหม่มาประยุกต์ใช้ ต่อยอดผลิตภัณฑ์จากข้าวพันธุ์ทับทิมชุมแพ ซึ่งอยู่ในช่วงการทดลองผลิตนมข้นหวานจากข้าวทับทิมชุมแพผสมกับหญ้าหวาน ในอนาคตทางสหกรณ์ฯ จะทำให้เกษตรกรสมาชิกมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น รวมไปถึงการเข้าถึงแหล่งเงินทุน และยังคงมุ่งมั่นตั้งใจทำการเกษตรทุกอย่างให้ปลอดสารเคมี สร้างความมั่นคงทางอาหารให้แก่ประชาชนไทย และสร้างรายได้ให้ชุมชนตลอดทั้งปี. – สำนักข่าวไทย