กรุงเทพฯ 3 ก.ย.- กรมอุตุนิยมวิทยาออกประกาศเตือนฝนตกหนักถึงหนักมาก รวมถึงคลื่นลมแรงระหว่าง 5-9 ก.ย. ส่วนพายุไต้ฝุ่น “หินหนามหน่อ”กำลังเคลื่อนตัวทางทิศเหนือ ห่างออกไปจากไทยไปเรื่อยๆ ส่วนกองอำนวยการน้ำแห่งชาติออกประกาศให้เฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงหลากและน้ำท่วมขังในภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ช่วง 4-10 ก.ย. นี้
นางสาวชมภา ชมภูรัตน์ อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยากล่าวว่า จากการติดตามการเคลื่อนที่ของพายุไต้ฝุ่น “หินหนามหน่อ” พบว่า กำลังเคลื่อนตัวทางทิศเหนือ ห่างออกไปจากไทยไปเรื่อยๆ โดยคาดว่า จะขึ้นฝั่งบริเวณประเทศจีนฝั่งตะวันออก ญี่ปุ่น หรือเกาหลีใต้ โดยพายุลูกนี้ไม่มีผลกระทบต่อประเทศไทยโดยตรง
สำหรับสภาพอากาศระหว่างวันที่ 3-4 ก.ย. 65 ร่องมรสุมกำลังอ่อนพาดผ่านภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนบนและอ่าวตังเกี๋ย ในขณะที่ลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังอ่อนพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ทำให้ประเทศไทยยังคงมีฝนตกหนักบางแห่ง
จากนั้นในช่วงวันที่ 5 – 9 กันยายน 2565 ร่องมรสุมกำลังแรงจะเลื่อนลงมาพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ ดังนั้นกรมอุตุนิยมวิทยาได้ออกประกาศแจ้งเตือนเพื่อให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม
สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น โดยทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนบริเวณทะเลอันดามันตอนล่างมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือในบริเวณดังกล่าวเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง ส่วนเรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนควรงดออกจากฝั่งในช่วงวันที่ 5-9 กันยายน 2565 นี้ไว้ด้วย
นายชยันต์ เมืองสง รองเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ในฐานะเลขานุการองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) กล่าวว่า กอนช. ออกประกาศเรื่องเฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงน้ำหลากและน้ำท่วมขังจากการประเมินวิเคราะห์สถานการณ์น้ำด้วยฝนคาดการณ์จากกรมอุตุนิยมวิทยาและสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) พบพื้นที่เสี่ยงเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำ ในช่วงวันที่ 4 – 10 กันยายน 2565 ดังนี้
1. ภาคเหนือ จังหวัดน่าน (อำเภอบ่อเกลือ แม่จริม และสันติสุข) จังหวัดตาก (อำเภอท่าสองยาง พบพระ อุ้มผาง และแม่สอด) จังหวัดอุทัยธานี (อำเภอบ้านไร่)
2. ภาคตะวันออก จังหวัดนครนายก (อำเภอเมืองนครนายก และปากพลี) จังหวัดปราจีนบุรี (อำเภอนาดี ประจันตคาม และกบินทร์บุรี) จังหวัดระยอง (อำเภอแกลง) จังหวัดจันทบุรี (อำเภอท่าใหม่ และมะขาม) และจังหวัดตราด (อำเภอเขาสมิง และบ่อไร่)
3. ภาคกลาง จังหวัดกาญจนบุรี (อำเภอท่าม่วง ท่ามะกา พนมทวน และห้วยกระเจา) จังหวัดลพบุรี (อำเภอหนองม่วง พัฒนานิคม ท่าหลวง บ้านหมี่ โคกสำโรง และสระโบสถ์) จังหวัดสระบุรี (อำเภอแก่งคอย วังม่วง และมวกเหล็ก) จังหวัดสุพรรณบุรี (อำเภอดอนเจดีย์ ด่านช้าง เมืองสุพรรณบุรี ศรีประจันต์ สองพี่น้อง สามชุก อู่ทอง และบางปลาม้า) จังหวัดนครปฐม (อำเภอกำแพงแสน)
4. ภาคใต้ จังหวัดสุราษฎร์ธานี (อำเภอบ้านตาขุน และวิภาวดี) จังหวัดนครศรีธรรมราช (อำเภอลานสกา พิปูน และช้างกลาง) จังหวัดระนอง (อำเภอละอุ่น และเมืองระนอง) จังหวัดพังงา (อำเภอกะปง ท้ายเหมือง ตะกั่วป่า เมืองพังงา และคุระบุรี) จังหวัดกระบี่ (อำเภออ่าวลึก) จังหวัดภูเก็ต (อำเภอถลาง และเมืองภูเก็ต)
ในการนี้ เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมรับมือ ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องโปรดดำเนินการ ดังนี้
1. ติดตามสภาพอากาศและสภาพน้ำอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีฝนตกสะสมมากกว่า 90 มิลลิเมตร ในช่วงเวลา 24 ชั่วโมง และพื้นที่จุดเสี่ยงที่เคยเกิดน้ำท่วมขังอยู่เป็นประจำ
2. ติดตาม ตรวจสอบ ซ่อมแซม แนวคันบริเวณริมแม่น้ำ และเร่งกำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำ พร้อมวางแผนการบริหารจัดการน้ำให้เหมาะสม โดยปรับแผนระบายน้ำจากเขื่อนและประตูระบายน้ำ เพื่อพร่องน้ำและบริหารพื้นที่ลุ่มต่ำให้เป็นแก้มลิงหน่วงน้ำ เพื่อลดผลกระทบจากมวลน้ำที่จะไหลหลากมายังบริเวณพื้นที่เสี่ยง
3. เตรียมแผนรับสถานการณ์น้ำหลาก เตรียมความพร้อมบุคลากร เครื่องจักรเครื่องมือ รวมถึงความพร้อมของระบบสื่อสารสำรอง เพื่อบูรณาการความพร้อมให้ความช่วยเหลือได้ทันที
4. ประชาสัมพันธ์สถานการณ์น้ำ และแจ้งเตือนล่วงหน้า ให้ประชาชนที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบ เตรียมพร้อมในการอพยพได้ทันท่วงทีหากเกิดสถานการณ์.-สำนักข่าวไทย