รัฐสภา 6 ก.ค.- กมธ.กฎหมายลูก ซัดกันเอง ปมหาร 500 คำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ “ชลน่าน” แซะหากมีใบสั่งหาร500 จริง จะกลายเป็นสภาเผด็จการ
การประชุมร่วมรัฐสภา ที่มีวาระพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. มาตรา 23 ช่วงหนึ่งหลังนายแพทย์ระวี มาศฉมาดล ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ อภิปรายย้ำถึงเหตุผลที่จะต้องมีการใช้สูตรหาร 500
ทำให้นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส. เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นขอหารือและถามไปยังกรรมาธิการว่ามีการปล่อยให้มีการแปรญัตติที่ขัดหลักการ ที่รับไปในวาระแรกและขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 91 ที่ได้มีการแก้ไขไปก่อนหน้านี้ เข้ามาสู่การพิจารณาได้อย่างไร และการจะอ้างเรื่องส.ส.พึงมี ไม่สามารถอ้างได้แล้ว
นายนิกร จำนง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคชาติไทยพัฒนา ในฐานะกรรมาธิการ ลุกขึ้นชี้แจง ยืนยันว่าร่างกฎหมายที่กำลังพิจารณานี้ ในชั้นรับหลักการมีการกำหนดให้คำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อหารด้วย 100 ทั้งสี่ฉบับ ซึ่งในชั้นการพิจารณาของกรรมาธิการนั้น มีกรรมาธิการคือนายแพทย์ระวีได้เสนอได้เสนอการหาร 500 และมีกรรมาธิการแย้ง แล้วว่าขัดหลักการ การรับหลักการมาซึ่งการหารด้วย 500 นั้นรัฐสภาไม่ได้มีการรับหลักการมาตั้งแต่แรก แต่นายสาธิต ปิตุเตชะประธานกรรมาธิการ ได้ให้กรรมาธิการแสดงความเห็นจนนำไปสู่การลงมติในชั้น กรรมาธิการซึ่งคะแนนส่วนใหญ่เห็นด้วยกับการหาร 100 และทางกรรมาธิการก็ให้มีการสงวนความเห็นได้ ยืนตามซึ่งในชั้นกรรมาธิการได้มีการยืนยันตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขเพิ่มเติมฉบับปี 2564 ไม่ใช่รัฐธรรมนูญปี 2560 ดังนั้นการที่จะนำรัฐธรรมนูญปี2560 มาอ้างถือว่าผิดหลักการ และการหารด้วย 500 ในทางปฎิบัติไม่สามารถนำมาคำนวณได้ ซึ่งจะทำให้เกิดปัญหาในการเลือกตั้ง
ขณะที่นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ในฐานะกรรมาธิการ ได้ประท้วงนายนิกร กรรมาธิการด้วยกันซึ่งกำลังชี้แจงอยู่ เพราะมองว่า สิ่งที่นายนิกรกำลังชี้แจงอยู่นั้นเป็นอัตวิสัย ผสมความเห็นส่วนตัวไปด้วย ซึ่งอาจจะทำให้ข้อเท็จจริงผิดเพี้ยน ดังนั้นจึงทำให้สิ่งที่ชี้แจงไม่อยู่ในประเด็น และไม่อยากให้มีปัญหา จึงอยากให้ประธานดำเนินการเป็นไปตามข้อบังคับ และขอให้นายนิกรหยุดการชี้แจง
ด้านนายอัครเดช วงศ์พิทักษ์โรจน์ กรรมาธิการได้ลุกขึ้นประท้วงเห็นด้วยกับนายศุภชัยว่า นายนิกรกำลังชี้แจงเกินเลย ไม่ใช่การชี้แจงตามที่กรรมาธิการได้พิจารณา
ขณะที่นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส. น่าน พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นขอใช้สิทธิ์พาดพิงในฐานะกรรมาธิการว่า ในรายงานของคณะกรรมาธิการที่เสนอมาต่อสภาไม่มีความเห็นของกรรมาธิการเสียงข้างมากปรากฏอยู่ กรรมาธิการเห็นว่าเรื่องนี้เรื่องนี้ขัดกับรัฐธรรมนูญและหลักการ กรรมาธิการจึงไม่มีความเห็นของตนเอง ทั้งที่ในที่ประชุมมีความเห็น และตนเองได้เป็นคนทักท้วง ว่าอย่างไรก็ตามกรรมาธิการต้องมีความเห็นในรายงานเพื่อส่งให้สภาวินิจฉัยว่าสามารถสงวนความเห็นได้หรือไม่
“สิ่งที่จะเกิดขึ้นในบ้านเมืองนี้ เราต้องยึดหลัก หากไม่มีหลักจะเอาอะไรก็ได้จะเอาอะไรก็ได้ สมัยก่อนกล่าวหาว่าเป็นเผด็จการรัฐสภา แต่ระวังถ้าเหตุการณ์อย่างที่นายจุลพันธุ์พูดไว้ ว่ามีการสั่งการว่าเอาเงิน 500 ถ้าเกิดขึ้นจริง ไม่ใช่เผด็จการรัฐสภา แต่เป็นสภาเผด็จการ สภาที่ถูกครอบงำและสั่งการด้วยเผด็จการ พวกเราที่เป็นสมาชิกรัฐสภาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน “ นายแพทย์ชลน่าน กล่าว.-สำนักข่าวไทย