กรุงเทพฯ 2 ก.ค. – โฆษกรัฐบาล เผยนายกฯ ติดตามสถานการณ์น้ำทั่วประเทศ กำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาค เตรียมพร้อมเฝ้าระวังติดตามสถานการณ์น้ำ เข้าดูแลให้การช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมขังฉับพลันอย่างทันท่วงที
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเพิ่มเติมว่า จากรายงานของกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) พบว่า สภาพอากาศในช่วงนี้ มีร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือตอนบนและประเทศลาว เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำที่ปกคลุมประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังค่อนข้างแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่ในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก อีกทั้งในช่วงระหว่างวันที่ 3-7 ก.ค.65 ร่องมรสุมจะเลื่อนขึ้นไปพาดผ่านประเทศเมียนมาและประเทศลาวตอนบน ในขณะที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย มีกำลังแรง ทำให้ประเทศไทยมีฝนตกต่อเนื่อง ซึ่งนายกรัฐมนตรีมีความห่วงใยประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมขังฉับพลัน กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าแก้ไขปัญหา ดูแลประชาชนอย่างทันท่วงที
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเพิ่มเติมว่า จากรายงานของกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) พบว่า สภาพอากาศในช่วงนี้ มีร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือตอนบนและประเทศลาว เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำที่ปกคลุมประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังค่อนข้างแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่ในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก อีกทั้งในช่วงระหว่างวันที่ 3-7 ก.ค.65 ร่องมรสุมจะเลื่อนขึ้นไปพาดผ่านประเทศเมียนมาและประเทศลาวตอนบน ในขณะที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย มีกำลังแรง ทำให้ประเทศไทยมีฝนตกต่อเนื่อง ซึ่งนายกรัฐมนตรีมีความห่วงใยประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมขังฉับพลัน กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าแก้ไขปัญหา ดูแลประชาชนอย่างทันท่วงที
“จากสภาพอากาศในช่วงนี้ ที่ทุกภาคของประเทศ รวมทั้งกรุงเทพฯ มีฝนตกหนักอย่างต่อเนื่อง นายกรัฐมนตรีกำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาค ติดตามสถานการณ์น้ำ เฝ้าระวังระดับน้ำเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลัน บริเวณแม่น้ำ ลำน้ำสายหลักและสาขาในพื้นที่ เฝ้าระวังอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ที่มีปริมาตรสูงกว่าเกณฑ์ปฏิบัติการ และอ่างเก็บน้ำขนาดกลางที่มีปริมาณน้ำมากกว่าร้อยละ 80 ที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น เสี่ยงน้ำล้นกระทบพื้นที่บริเวณท้ายอ่างเก็บน้ำ รวมทั้งให้ตรวจสอบระบบการแจ้งเตือนประชาชนให้มีประสิทธิภาพ เพื่อให้ประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณใกล้เคียงเตรียมพร้อมรับสถานการณ์น้ำหลากได้ทันท่วงที ขณะที่ในส่วนของกรุงเทพฯ นายกรัฐมนตรีกำชับให้กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) สนับสนุนเครื่องสูบน้ำแก้ไขปัญหาน้ำท่วมขังในพื้นที่กรุงเทพฯ ให้กับกรุงเทพมหานคร เพื่อเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่ท่วมขัง ให้ระดับน้ำกลับเข้าสู่ภาวะปกติโดยเร็ว เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน สำหรับในพื้นที่ที่มีประชาชนได้รับผลกระทบจากอุทกภัย ขอให้ผู้นำท้องที่และท้องถิ่นลงพื้นที่สำรวจความเสียหายร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ เพื่อวางแผนให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยภายหลังระดับน้ำเริ่มลดลงด้วย” โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว. – สำนักข่าวไทย