กรุงเทพฯ 29 มิ.ย. -เลขาธิการ คปภ.ผลักดันโครงการ “พ.ร.บ.รุกทั่วไทย” หลังประชาชนตื่นตัวทำประกันภัย พ.ร.บ. เพิ่มขึ้น 2 ล้านฉบับ
นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (เลขาธิการ คปภ.) แถลงปิดโครงการ “พ.ร.บ.รุกทั่วไทย” ว่า อุบัติเหตุทางถนนเป็นปัญหาที่ก่อให้เกิดความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ตลอดจนความสูญเสียทางเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศเป็นอย่างมาก
การประกันภัยนับเป็นเครื่องมือสำคัญ บริหารความเสี่ยงและสามารถเยียวยาความสูญเสีย คปภ. จึงได้จัดโครงการ พ.ร.บ.รุกทั่วไทย เพื่อรณรงค์ให้เจ้าของรถและผู้ครอบครองรถตระหนักถึงความสำคัญของการจัดทำประกันภัย พ.ร.บ.
จากสถิติการทำประกันภัย พ.ร.บ. และการจ่ายค่าเสียหายเบื้องต้นของกองทุนทดแทนผู้ประสบภัย ระหว่างเดือนมกราคมถึงเดือนพฤษภาคม ปี 2565 เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน พบว่า ในปี 65 มีการทำประกันภัย พ.ร.บ.เพิ่มขึ้น 2.01 ล้านฉบับ และจากตัวเลขการทำประกันภัย พ.ร.บ.เพิ่มขึ้น ทำให้กองทุนทดแทนผู้ประสบภัยมีการจ่ายค่าเสียหายเบื้องต้นให้กับผู้ประสบภัยจากรถที่ไม่สามารถเข้าถึงสิทธิจากการประกันภัยลดลงถึง 12.50 ล้านบาท
ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการดำเนินโครงการ พ.ร.บ.รุกทั่วไทย โดยเปิดให้ประชาชนลงทะเบียนรับกรมธรรม์ประกันภัยคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ จำนวน 10,000 ฉบับ โดยเปิดรับลงทะเบียนตั้งแต่วันที่ 23 พฤศจิกายน 2564 จนถึงวันที่ 18 เมษายน 2565 ปรากฏว่ามีประชาชนผู้สนใจเข้าร่วมลงทะเบียนกว่า 30,000 ราย กองทุนทดแทนผู้ประสบภัย ได้ส่งมอบกรมธรรม์ให้แก่ประชาชนผู้เป็นเจ้าของรถ 10,065 ฉบับ แบ่งเป็นภาคเหนือ จำนวน 1,090 ฉบับ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (ภาคอีสาน) จำนวน 1,302 ฉบับ ภาคกลาง จำนวน 556 ฉบับ ภาคตะวันออก จำนวน 886 ฉบับ ภาคตะวันตก จำนวน 488 ฉบับ ภาคใต้ จำนวน 1,104 ฉบับ และกรุงเทพมหานคร จำนวน 4,639 ฉบับ
นอกจากนี้ คปภ.ยังส่งเสริมกิจกรรม “ส่งรักทั่วไทย อุ่นใจเมื่อมีประกันภัย พ.ร.บ.” ที่จัดขึ้นทั้ง 4 ภาค อีกทั้งมีการผลิตและเผยแพร่คลิปวีดิโอให้ความรู้เกี่ยวกับการจัดทำประกันภัย พ.ร.บ. รวมถึงผลิตสื่อประชาสัมพันธ์ในรูปแบบ Infographic แบบภาพเคลื่อนไหว (Motion Graphic) เพื่อย้ำให้ประชาชนตระหนักถึงความสำคัญของการจัดทำประกันภัย พ.ร.บ. อีกด้วย
สำนักงาน คปภ.จึงต้องการส่งเสริมให้ประชาชนมีความรู้ความเข้าใจ และตระหนักถึงความสำคัญของการทำประกันภัย พ.ร.บ.มากขึ้น .-สำนักข่าวไทย