นครราชสีมา 24 พ.ค. – มวลน้ำจากอ่างลำเชียงไกรตอนล่าง ไหลท่วมบ้านตะกุด ต.กำปัง อ.โนนไทย จ.นครราชสีมา ระดับเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ชาวบ้านสัญจรลำบาก
ชาวบ้านหมู่ 11 บ้านตะกุด ต.กำปัง อ.โนนไทย จ.นครราชสีมา 25 หลังคาเรือน ได้รับผลกระทบมีน้ำท่วมขังถนนภายในหมู่บ้าน ระดับน้ำสูง 30-40 เซนติเมตร สัญจรเข้าออกยากลำบาก หลังมวลน้ำจำนวนมากไหลทะลักลงสู่พื้นที่ด้านล่างอ่างเก็บน้ำลำเชียงไกรตอนล่าง อ.โนนไทย ซึ่งขณะนี้มีปริมาณน้ำเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ระดับน้ำอยู่ที่ 23 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็น 82% ของความจุอ่าง
โครงการชลประทานนครราชสีมา เร่งเปิดทางระบายน้ำฉุกเฉินทั้งปีกซ้ายและปีกขวา ในอัตราวันละ 7 แสนลูกบาศก์เมตร เพิ่มขึ้นจากเดินวันละ 350,000 ลูกบาศก์เมตร ทำให้มีมวลน้ำจำนวนมากไหลลงสู่พื้นที่ด้านล่าง มีน้ำท่วมหมู่บ้านและพื้นที่การเกษตรเป็นบริเวณกว้าง หวั่นสถานการณ์จะรุนแรงขึ้นอีก หากมีฝนตกลงมาซ้ำ

ทั้งนี้ เมื่อช่วงเดือนตุลาคมปีที่แล้ว อ่างเก็บน้ำลำเชียงไกรตอนล่าง เกิดแนวคันดินทรุดตัว มีมีมวลน้ำมหาศาลไหลทะลักท่วม 5 อำเภอด้านล่างได้รับความเสียหายอย่างหนัก มีการก่อสร้างซ่อมแซมประตูระบายน้ำ 4 บาน จนถึงขณะนี้ยังไม่แล้วเสร็จและยังไม่สามารถเปิดใช้งานได้
กำนัน พร้อมผู้นำหมู่บ้านและชาวบ้าน ลงพื้นที่สำรวจความเสียหาย พร้อมวางแผนกั้นกระสอบทรายตามแนวลำห้วยพื้นที่รับน้ำจากท้ายอ่างเก็บน้ำ เพื่อป้องกันน้ำล้นตลิ่งหลากท่วมรุนแรงหนักกว่าเดิม พร้อมกับเรียกร้องให้ทางชลประทานทบทวนการระบายน้ำให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม หวั่นเกิดสถานการณ์น้ำท่วมหนักซ้ำรอยปีที่แล้ว
ส่วนที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ เจ้าหน้าที่กู้ภัยช่วยกันลากรถจักรยายนต์ที่คนขี่จะข้ามฝาย เจอน้ำแรงกลับหัวไม่ทัน น้ำพัดตกทั้งรถทั้งคน

เหตุเกิดที่ฝายน้ำล้นบ้านโป่งกระสัง ม.4 ต.หาดขาม อ.กุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ รองรับน้ำจากเทือกเขาตะนาวศรี เมื่อวานมีฝนตกตลอดทั้งวัน ทำให้น้ำไหลลงมาเป็นจำนวนมาก กู้ภัยใช้วิธีช่วยนำรถขึ้นมา โดยตรวจสอบสถานที่จุดที่รถตก และตรวจกระแสน้ำ เพื่อคำนวณว่ารถอาจถูกกระแสน้ำพัดไปอยู่ตรงไหน ก่อนขึงเชือกลงค้นหา ใช้เวลาไม่ถึง 20 นาที ก็พบรถจักรยานยนต์จมอยู่ในร่องน้ำห่างจากฝั่งเพียง 10 เมตร ใช้เชือกผูกกับตัวรถและลากเข้าฝั่งจนสำเร็จ
เจ้าของรถจักรยานยนต์ที่เกิดเหตุ เล่าให้ฟังว่า ขณะขี่รถกลับ พอถึงฝายน้ำล้น ขี่ลงน้ำไป 50 เซนติเมตร รู้สึกว่าน้ำแรงมาก ก็รีบเบรก แต่เมื่อยิ่งเบรก รถก็ยิ่งถูกน้ำพัด รีบถอยรถกลับ แต่ก็ไม่ทัน ถูกน้ำพัดจนตกลงไปในฝายน้ำล้น พยายามพยุงตัวในน้ำ และไหลไปตามคลอง ระยะทางกว่า 100 เมตร เอาตัวเองขึ้นฝั่ง และเดินไปขอความช่วยเหลือจากบ้านที่อยู่ใกล้เคียง พอรุ่งเช้าจึงได้แจ้งให้กู้ภัยมาช่วยค้นหารถ . – สำนักข่าวไทย