กทม. 21 เม.ย.- คาด กกต. รออัยการสอบถามเรื่องการอุทธรณ์ สู้คดีใบส้ม “สุรพล” ที่ศาลสั่งชดใช้เงินกว่า 64 ล้าน มีเวลาพิจารณา 30 วัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. สั่งเพิกถอนสิทธิสมัครของนายสุรพล เกียรติไชยากร ผู้สมัคร ส.ส.เขต 8 เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ไว้เป็นการชั่วคราว หรือใบส้ม ในการเลือกตั้งเมื่อปี 2562 เนื่องจาก กกต.พิจารณาแล้วเห็นว่าพฤติการณ์ของนายสุรพล เข้าข่ายผิด พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. พ.ศ. 2561 มาตรา73(2) ให้ เสนอให้ สัญญาว่าจะให้เงินหรือทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดไม่ว่าโดยตรงหรือโดยอ้อมแก่ชุมชน สมาคม มูลนิธิวัด สถานศึกษา สถานสงเคราะห์ หรือสถาบันอื่นใด กกต. จึงสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ในเขตเลือกตั้งที่ 8 เชียงใหม่ ซึ่ง กกต. ที่พิจารณาใบส้มของนายสุรพล ประกอบด้วย นายอิทธิพร บุญประคอง นายสันทัด ศิริอนันต์ไพบูลย์ นายธวัชชัย เทอดเผ่าไทย นายฉัตรไชย จันทร์พรายศรี นายปกรณ์ มหรรณพ นายเลิศวิโรจน์ โกวัฒนะ และนายฐิติเซฏร์ นุชนาฏ โดยล่าสุดวานนี้(20 เม.ย.) ศาลจังหวัดฮอด ต.หางดง อ.ฮอด ได้พิพากษาคดีแพ่งหมายเลขดำที่ พ.164/2562 และคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ พ. 23/2565 สั่งให้ กกต.จ่ายค่าเสียหายและเยียวยานายสุรพล รวมกว่า 64 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในส่วนของ กกต.กลาง ยังไม่มีผู้ใดแสดงความเห็นในเรื่องการชดใช้เงินตามคำสั่งศาล โดยแหล่งข่าวเผยว่า คำพิพากษาของศาลที่ให้ กกต.จ่ายค่าเสียหาย ต้องติดตามว่า อัยการจะอุทธรณ์คำพิพากษาของศาลหรือไม่ โดยในคดีแพ่งอัยการจะมีหนังสือสอบถามตัวความ คือ กกต.ว่าจะอุทธรณ์หรือไม่ ในทางปฏิบัติ หากมีการอุทธรณ์ นิติกรของหน่วยงานจะเสนออุทธรณ์ในประเด็นใด ต่อผู้มีอำนาจของหน่วยงานแล้ว และเสนอต่ออัยการ ทั้งนี้ประเด็นอุทธรณ์ อัยการจะอุทธรณ์ตามประเด็นที่ตัวความเสนอหรือไม่ ถือเป็นดุลพินิจเด็ดขาดของอัยการ ซึ่งการอุทธรณ์จะใช้ดุลพินิจเหมือนในคดีอาญาไม่ได้ ทั้งนี้มีเวลาอุทธรณ์ภายใน 30 วัน.-สำนักข่าวไทย