อิสตันบูล (ตุรกี) 30 มี.ค. – ผลการเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซียกับยูเครน ล่าสุดรัสเซียประกาศจะลดกำลังและปฏิบัติการทางทหารรอบๆ กรุงเคียฟ เพื่อสร้างเงื่อนไขในการเจรจารอบต่อไป ด้านยูเครนพร้อมจะยอมรับสถานะประเทศที่เป็นกลางบนเงื่อนไขต้องมีการรับรองความมั่นคงปลอดภัยให้กับยูเครน
นายอเล็กซานเดอร์ โฟมิน รัฐมนตรีช่วยกลาโหมรัสเซีย แถลงผลคืบหน้าการเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซียกับยูเครน ที่นครอิสตันบูล ประเทศตุรกี เมื่อวานนี้ (29 มี.ค.) ว่าเพื่อเสริมสร้างความไว้วางใจระหว่างกัน และสร้างเงื่อนไขเพื่อเจรจาในรอบต่อไป อันจะนำไปสู่เป้าหมายของการเจรจานั้นก็คือ การบรรลุข้อตกลง รัสเซียจึงเห็นควรที่จะปรับลดการปฏิบัติการทางทหารบริเวณรอบๆ กรุงเคียฟ และในเมืองเชอร์นิฮีฟ แต่นายโฟมินไม่ได้กล่าวถึงปฏิบัติการทางทหารของรัสเซียในภาคตะวันออกและภาคใต้ที่กำลังรุกหนักแต่อย่างใด
ขณะเดียวกันนายวลาดิเมียร์ เมดินสกี้ หัวหน้าคณะผู้แทนเจรจาฝ่ายรัสเซีย กล่าวว่า การปรับลดการปฏิบัติการทางทหารของรัสเซียดังกล่าวเป็นขั้นแรกของการลดระดับความขัดแย้งระหว่างยูเครนกับรัสเซีย ที่ดำเนินมาแล้ว 34 วัน เพื่อนำไปสู่ขั้นที่ 2 นั่นคือการพบเจรจาระหว่างประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย กับประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน ที่จะมีขึ้นหลังรัฐมนตรีต่างประเทศของทั้ง 2 ฝ่าย บรรลุข้อตกลงในสนธิสัญญาสันติภาพแล้ว นายเมดินสกี้ยังได้กล่าวย้ำว่า รัสเซียขอเรียกร้องให้ยูเครนยุติการทรมานเชลยศึกรัสเซียด้วย
ขณะเดียวกันทางด้านยูเครน นายเดวิด อราคราเมีย หัวหน้าคณะเจรจา กล่าวว่า รัสเซียต้องถอนทหารออกจากยูเครนทั้งหมด และให้ทุกตารางนิ้วของยูเครนเกิดความสงบ เพื่อที่ผู้อพยพชาวยูเครนกว่า 3.5 ล้านคน จะได้กลับประเทศ สิ่งเหล่านี้จะต้องเกิดขึ้นก่อนรัสเซียกับยูเครนจะบรรลุข้อตกลงในสนธิสัญญาสันติภาพ นายอราคาเมียย้ำว่า ท่าทีของยูเครนไม่เคยเปลี่ยน โดยเฉพาะเกี่ยวกับพรมแดนของยูเครน ซึ่งนานาชาติรับรองนั้น ยูเครนจะไม่ประนีประนอมในเรื่องดังกล่าวอย่างแน่นอน
ทางด้านนายมิไคโล โปโดลยัก ที่ปรึกษาของประธานาธิบดียูเครนซึ่งร่วมอยู่ในคณะผู้แทนเจรจา กล่าวว่า ตุรกี เยอรมนี และโปแลนด์ จะต้องอยู่ในกลุ่มประเทศที่ให้หลักประกันด้านความมั่นคงแก่ยูเครน เพื่อยุติสงครามที่ยังดำเนินอยู่ในขณะนี้ และยูเครนจะยอมรับสถานะประเทศเป็นกลางเพื่อแลกกับการรับรองความมั่นคงปลอดภัยของยูเครน ซึ่งหมายถึงว่า ยูเครนจะไม่เข้าร่วมเป็นพันธมิตรทางทหารกับฝ่ายใด และไม่ยอมให้มีการตั้งฐานทัพในยูเครนด้วย อย่างไรก็ตาม นายโปโดลยักเน้นว่า ยูเครนจะต้องจัดการลงประชามติเกี่ยวกับข้อตกลงสันติภาพกับรัสเซียเสียก่อนจึงจะมีการลงนามกัน
ทางด้านประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ ได้ออกมากล่าวถึงคำประกาศของผู้แทนรัสเซียที่นครอิสตันบูลว่า ตนจะดูว่ารัสเซียจะทำตามที่ประกาศไว้หรือไม่ หรือเพียงเป็นการซื้อเวลาเท่านั้น ซึ่งในเรื่องนี้ตนได้หารือกับผู้นำฝรั่งเศส เยอรมนี และอังกฤษแล้ว ทั้งหมดเห็นพ้องกันว่าต้องดูว่ารัสเซียจะรักษาคำพูดหรือไม่
ทางด้านประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน ได้ออกกล่าวว่า มีสัญญาณที่ดีมาจากการเจรจาสันติภาพระหว่างยูเครนกับรัสเซียที่นครอิสตันบูล
นายนิโกลาส เดอ รีเวียร์ ทูตฝรั่งเศสประจำสหประชาชาติ ได้ออกมาเรียกร้องว่า ถึงเวลาแล้วที่รัสเซียจะต้องยุติการรุกรานยูเครน เพราะสถานการณ์ด้านมนุษยธรรมในยูเครนนั้นเข้าขั้นภัยพิบัติแล้ว.-สำนักข่าวไทย