ตรัง 29 มี.ค.- หนุ่มเจ้าของสวนชมพู่ทับทิมจันทร์กว่า 300 ต้น ในหมู่ 10 ต.ควนเมา อ.รัษฎา จ.ตรัง เดิมทีสวนนี้เป็นสวนยาง แต่ประสบปัญหาหนี้สิน รายรับไม่พอรายจ่าย ตัดสินใจโค่นทิ้งและเเปลงเป็นสวนชมพู่ทับทิมจันทร์ ผ่านไป 2 ปี สร้างรายได้ทวีคูณกว่า 500,000 บาทต่อปี
นายปรีชา อายุ 42 ปีเจ้าของสวนชินธรณ์ หมู่ที่ 10 ต.ควนเมา อ.รัษฎา จ.ตรัง ปลูกชมพู่ทับทิมจันทร์บนเนื้อที่กว่า 20 ไร่ หรือกว่า 300 ต้นที่กำลังให้ผลผลิตสุกแดงเต็มต้น เพื่อส่งขายพ่อค้าแม่ค้าที่มีการสั่งจองไว้ล่วงหน้าในราคากิโลกรัมละ 45 บาท ส่วนกิ่งพันธุ์จำหน่ายกิ่งละ 80 บาท ซึ่งปีนี้นับเป็นรุ่นที่ 2 ของการเก็บชมพู่ทับทิมจันทร์ขาย ได้วันละประมาณ 300 กิโลกรัม ทำให้มีรายได้กว่า 10,000 บาทต่อวัน โดยมีเกษตรกรมาศึกษาดูงานและเลือกซื้อชมพู่ทับทิมจันทร์กันถึงสวนจำนวนหลายราย
นายปรีชา กล่าวว่า สวนแห่งนี้เดิมปลูกยางพาราทั้งหมด เมื่อราคายางพาราตกต่ำ ทำให้มีหนี้สิน รายรับไม่พอกับรายจ่าย จึงตัดสินใจโค่นสวนยางพาราในปี 2560 เพื่อหันมาทดลองปลูกทับทิมจันทร์จำนวน 5 ไร่หรือกว่า 150 ต้น ผ่านไป 2 ปีเริ่มเก็บชมพู่ทับทิมจันทร์ขายได้ ปีละ 4-5 รุ่น จึงตัดสินใจโค่นสวนยางพาราที่เหลือทั้งหมดอีกกว่า 20ไร่ เพื่อขยายพื้นที่ปลูกทับทิมจันทร์จนเต็มพื้นที่ และได้ผลผลิตกว่า 3,000 กิโลกรัมต่อปี สร้างรายได้เพิ่มเป็นทวีคูณหรือกว่า 500,000 บาทต่อปี จนสามารถปลดหนี้ได้ ครอบครัวอยู่สุขสบาย
สวนแห่งนี้ ได้รับเครื่องหมายมาตรฐาน GAP จากกรมวิชาการเกษตร ปลอดภัยจากการใช้สารเคมี ผลดก ลูกใหญ่ประมาณ 5-6 ลูกต่อกิโลฯ รสชาติหวาน กรอบ สีแดงสด ผิวเกลี้ยง ให้น้ำหนักดี และเป็นที่ต้องการของตลาด จนมีแทบไม่พอขายใน จ.ตรัง แต่ละปีเก็บได้ 5 รุ่นแต่ละรุ่นสร้างรายได้ไม่ต่ำกว่า 100,000 บาท ดีกว่าปลูกยางพารา ซึ่งตอนนี้สร้างรายได้เฉลี่ยวันละ 10,000 บาท โดยเก็บไปแล้วประมาณ 3 ตันกว่า ตลาดลูกค้าตอบรับดี รสชาติหวาน กรอบ เป็นเอกลักษณ์ของสวน.-สำนักข่าวไทย