กรุงเทพฯ 3 มี.ค.-“พล.อ.ประวิตร” ประชุมขับเคลื่อนโครงการขนาดใหญ่ เห็นชอบฟื้นฟูคลองแสนแสบให้ยั่งยืน เน้นทุกภาคส่วนมีส่วนร่วม สั่งเร่งแก้ปัญหาน้ำท่วม 3 จังหวัดชายแดนใต้โดยเร็ว
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีเป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนโครงการขนาดใหญ่และโครงการสำคัญ ครั้งที่1/2565 ผ่านระบบวีดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ โดยที่ประชุมรับทราบความก้าวหน้าการขับเคลื่อนโครงการขนาดใหญ่และโครงการสำคัญ ซึ่งได้ผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี(ครม.) แล้ว และมีมติให้ขอรับการจัดสรรงบประมาณพ.ศ.2566 โดยมีโครงการด้านทรัพยากรน้ำจำนวน 7 โครงการ และรับทราบความก้าวหน้า การติดตามสถานภาพโครงการพัฒนาแหล่งน้ำที่สำคัญ ซึ่งมีโครงการที่ติดตามอยู่ขณะนี้ จำนวน 73 โครงการ มีโครงการที่มีความพร้อมเพื่อเตรียมจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นภายใต้ พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2562 และไม่ติดขัดเงื่อนไขด้านสิ่งแวดล้อมได้แก่ อ่างเก็บน้ำบ้านป่าละอู จ.ประจวบคีรีขันธ์ อ่างเก็บน้ำน้ำปี้ จ.พะเยา อ่างเก็บน้ำคลองขลุง จ.จันทบุรี และอ่างเก็บน้ำลำรูใหญ่ จ.พังงา เป็นต้น
จากนั้น ที่ประชุมได้พิจารณาเห็นชอบโครงการบำบัดน้ำเสียมีนบุรี ระยะที่ 2 (กทม.) งบประมาณปี 2566 – 2569 ซึ่งโครงการดังกล่าวเป็นโครงการตามแผนการแก้ไขปัญหาและบำบัดน้ำเน่าเสียในพื้นที่ฝั่งตะวันออกของ กทม.อันเป็นผลมาจากการเจริญเติบโตของเมืองอย่างรวดเร็ว ประชาชนต้องใช้น้ำเป็นจำนวนมาก ทำให้เกิดน้ำเสียไหลลงสู่คลองสายสำคัญคือคลองแสนแสบ สำนักการระบายน้ำของกทม.จึงแก้ไขปัญหาเริ่มจากโครงการระยะที่ 1 ซึ่งปัจจุบันยังอยู่ระหว่างการก่อสร้าง และจะดำเนินโครงการก่อสร้างระบบรวบรวมและระบบบำบัดน้ำเสียมีนบุรี ระยะที่ 2 เพื่อก่อสร้างระบบบำบัดน้ำเสีย (42,000 ลบ.ม./วัน) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันแก้ปัญหาน้ำเน่าเสียในคลองต่างๆ เช่น คลองแสนแสบ,คลองสามวา และคลองสองต้นนุ่นในเขตมีนบุรี เขตคลองสามวา เขตคันนายาว และเขตสะพานสูง ใช้งบประมาณทั้งสิ้น 2,902 ล้านบาท
พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ขอให้ทุกหน่วยงานเร่งแก้ปัญหาที่ยังเป็นอุปสรรคต่อการขับเคลื่อนโครงการ เพื่อให้เกิดประโยชน์และตรงกับความต้องการของประชาชนทุกพื้นที่ โดยเฉพาะพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่กำลังประสบปัญหาภาวะน้ำท่วมอยู่ในขณะนี้ต้องรีบแก้ปัญหาให้สำเร็จโดยเร็วที่สุด และต้องสร้างการรับรู้ความเข้าใจประชาชน และการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน ซึ่งถือเป็นกลไกสำคัญที่จะทำให้โครงการต่าง ๆ ประสบผลสำเร็จได้ อย่างยั่งยืน ต่อไป.-สำนักข่าวไทย