ทำเนียบฯ 9 ม.ค.-นายกฯ เร่งเดินหน้าแก้ปัญหาน้ำท่วมภาคใต้ และภายหลังน้ำลด จะเร่งแก้ปัญหาการระบายน้ำลงสู่ทะเลให้เร็วที่สุด ยอมรับปัญหาน้ำท่วมภาคใต้รุนแรงมากกว่าในช่วง 30 ปี ขอประชาชนบริจาคเป็นเงิน มากกว่าสิ่งของ เพื่อความสะดวกในการนำไปใช้
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายบริหารจัดการข้าว ถึงเหตุการณ์น้ำท่วมภาคใต้ในขณะนี้ โดยยอมรับว่า ปัญหาน้ำท่วมใน 10 จังหวัดภาคใต้ สถานการณ์รุนแรงมากกว่าในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา เพราะมีปริมาณฝนตกลงมามาก ทั้งนี้ปัญหาเกิดมาจากการปลูกสร้างสิ่งกีดขวางทางเดินน้ำ รวมถึงการทำลายป่าไม้ ส่งผลกระทบต่อการระบายน้ำลงสู่ทะเล เนื่องจากที่ผ่านมา ไม่มีการจัดระเบียบ และไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า ภายหลังน้ำลด จะเร่งแก้ปัญหาการระบายน้ำลงสู่ทะเลให้เร็วที่สุด แต่ขอความร่วมมือประชาชนอย่าขัดขวางการทำงานของรัฐบาล เพราะเป็นวิธีเดียวที่จะแก้ปัญหาได้ ซึ่งการระบายน้ำลงสู่ทะเลนั้นเป็นวิธีที่ดีที่สุด เพราะพื้นที่ภาคใต้มีพื้นที่ติดทะเล ทั้งนี้การบริการจัดน้ำ จะต้องแก้ปัญหาทั้งระบบ ทั้งปัญหาน้ำท่วมและน้ำแล้ง แม้ขณะนี้จะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล แต่ตนยังคงมีกำลังใจ และกำลังกาย แก้ปัญหาในทุกเรื่อง
“ขอเป็นกำลังใจให้พี่น้องชาวภาคใต้ ซึ่งขณะนี้รัฐบาลได้เปิดช่องทางในการรับความช่วยเหลือแล้ว แต่ในส่วนของ กทม. อยากให้บริจาคเป็นเงิน แล้วส่งต่อไปยังพื้นที่ภาคใต้มากกว่า เพราะหากบริจาคเป็นสิ่งของ จะเป็นอุปสรรคในการขนส่ง และที่สำคัญในพื้นที่ก็มีการบริจาคสิ่งของอยู่แล้ว” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า ส่วนมาตรการช่วยเหลือประชาชน รัฐบาลได้ประกาศยกระดับการแก้ปัญหา อยู่ในระดับ 3 โดยมี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย บูรณาการทำงานทุกภาคส่วน มีอำนาจการตัดสินใจและสั่งการเจ้าหน้าที่ในพื้นที่อื่นเข้าไปช่วยในพื้นที่ภาคใต้ได้ทันที หากเจ้าหน้าที่ไม่เพียงพอ
“วันนี้อยากทำความเข้าใจกับประชาชนว่า เราต้องเตรียมการรับมือกับภัยธรรมชาติและสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงทั่วโลก อย่ามัวทะเลาะกันในเรื่องที่ไม่เป็นเรื่อง” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงมาตราการเยียวยาผู้ประสบภัย ว่า ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ของสำนักงานปลัดสำนักนากยรัฐมนตรี และเป็นไปตามกฎหมาย ส่วนหากต้องเยียวยาเพิ่มเติมครัวเรือนละ 5,000 บาท เช่นเดียวกับรัฐบาลที่ผ่านมาหรือไม่ จะต้องมีการพิจารณา แล้วนำเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง.-สำนักข่าวไทย