รพ.ศิริราช 23 ม.ค.-นิติเวชศิริราช คาดทราบสาเหตุการเสียชีวิตชายชาวญี่ปุ่นไม่เกิน 1สัปดาห์ ขณะที่ญาติยืนยันใช่ศพลูกชาย พร้อมติดต่อขอรับศพกลับทันที
นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล พร้อมด้วย นพ.วิสูตร ฟองศิริไพบูลย์ หัวหน้าภาควิชานิติเวชศาสตร์ และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางคอแหลม ร่วมกันชี้แจงความคืบหน้ากรณีแพทย์นิติเวช รพ.ศิริราช ชันสูตรพลิกศพและผ่าพิสูจน์ชายไม่ทราบชื่อเสียชีวิตในน้ำ เมื่อวันที่30 ธ.ค.2559 โดยระหว่างการแถลงมีครอบครัวของนายโซนัม ซึโบอิ นักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่น เข้าร่วมรับฟังด้วยสีหน้าโศกเศร้า
นพ.วิสูตร กล่าวว่า หลังได้รับแจ้งจากพนักงานสอบสวน สน.บางคอแหลม พบศพชายคนดังกล่าวจึงร่วมทำการชันสูตรศพซึ่งขณะนั้นไม่สามารถบอกสาเหตุการเสียชีวิตได้ จึงขอส่งศพมาตรวจต่อที่ รพ.ศิริราช โดยภาควิชานิติเวชศาสตร์ได้รับตัวไว้เพื่อทำการผ่าศพอย่างละเอียดอีกครั้ง ได้ทำการถ่ายภาพศพตั้งแต่ยังมีเสื้อผ้า ถอดเสื้อผ้า และดูร่องรอยต่างๆ โดยเฉพาะรอยสัก ซึ่งพบรอยสัก 2 แห่ง คือรอยสักรูปดอกไม้เป็นวงซ้อนกันที่บริเวณหลังเท้าซ้าย และรอยสักรูปหยินหยางกับแคสเปอร์บริเวณหน้าอกด้านซ้าย หลังจากนั้นจึงได้ทำการผ่าศพตามแนวทางมาตรฐานการตรวจศพทางนิติเวชศาสตร์ ซึ่งขณะนี้กำลังรอผลการตรวจจากห้องปฏิบัติการคาดภายใน 1สัปดาห์ รู้ผลการเสียชีวิต พร้อมส่งรายงานให้กับพนักงานสอบสวน สน.บางคอแหลม ดำเนินคดีต่อไป
ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางคอแหลม กล่าวว่า สาเหตุที่ยังไม่สามารถสรุปสาเหตุการเสียชีวิตของชายชาวญี่ปุ่นได้ เนื่องจากยังไม่พบหลักฐานสำคัญคือกระเป๋าเป้ที่ผู้ตายสะพายมาด้วยเพราะอาจมีเอกสารรายละเอียดที่บ่งชี้ถึงสาเหตุการเสียชีวิต อย่างไรก็ตามหากใครพบเห็นกระเป๋าเป้ บริเวณแม่น้ำเจ้าพระยา ขอความร่วมมือแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจทันที ซึ่งขณะนี้พนักงานสอบสวนกำลังย้อนดูภาพจากกล้องวงจรปิดอย่างละเอียด เบื้องต้นจากการสอบถามญาติผู้ตาย ยืนยันว่า ศพดังกล่าวเป็นลูกชายของตน เพราะจำรอยสักได้ ซึ่งจากการพูดคุยกับญาติ เบื้องต้นยังไม่พบประเด็นความขัดแย้ง หรือ เป็นการฆ่าชิงทรัพย์แต่อย่างใด เนื่องจากผู้ตายมีเพียงกระเป๋าเป้ใบเดียว อย่างไรก็ตามหากทราบผลพิสูจน์ชันสูตรศพอย่างเป็นทางการจะเร่งสรุปสาเหตุการเสียชีวิตโดยเร็วที่สุด
หลังการแถลงข่าวเสร็จสิ้นครอบครัวผู้เสียชีวิตลุกขึ้นขอบคุณสื่อมวลชน ที่มาช่วยติดตามทำข่าว จนทำให้พบศพลูกชาย พร้อมทำเรื่อง ยืนเอกสารของรับศพลูกชายกลับประเทศทันที .-สำนักข่าวไทย