ทำเนียบรัฐบาล 3 พ.ย.-รองโฆษกรัฐบาล เผย ก.เกษตรเร่งจัดระเบียบประมงไทยให้สอดรับข้อกำหนดคุ้มครองสัตว์ทะเลของสหรัฐ ที่จะมีผลปี 66 ยืนยันไม่เป็นอุปสรรคต่อส่งออก
น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงความพร้อมของประเทศไทยในการปฏิบัติตามกฎหมายสหรัฐอเมริกาว่าด้วยการนำเข้าสินค้าสัตว์น้ำเพื่อคุ้มครองสัตว์ทะเลที่เลี้ยงลูกด้วยนม (Marine Mammal Protection Act : MMPA ) MMPA ที่จะมีผลบังคับใช้ในปี 2566 ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ดำเนินการให้สอดรับกับกฎหมายดังกล่าวมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้มั่นใจได้ว่าไทยสามารถปฏิบัติตามได้อย่างครบถ้วน ทั้งนี้ สหรัฐเป็นประเทศคู่ค้าสินค้าสัตว์น้ำและผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำ อันดับ 1 ของประเทศไทย มีมูลค่าสูงถึง 3.99 หมื่นล้านบาท
“นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เร่งดำเนินการตามข้อสั่งการพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดระเบียบการทำประมง และแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมายอย่างยั่งยืนและต่อเนื่อง รวมทั้งให้ความช่วยเหลือดูแลประมงพื้นบ้าน ให้มีความสอดคล้องกับมาตรฐานด้านการประมงขององค์กรระหว่างประเทศ โดยได้รายงานถึงการเตรียมความพร้อมในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย MMPA ว่า ได้เร่งขับเคลื่อนการดำเนินการมาตลอด เชื่อมั่นว่าในวันที่ 1 มกราคม 2566 ซึ่งจะเป็นวันครบกำหนดระยะเวลาผ่อนผัน 5 ปีของข้อกำหนด MMPA ขององค์การบริหารสมุทรศาสตร์และบรรยากาศแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (National Oceanic and Atmospheric Administration : NOAA) สินค้าประมงไทยจะไม่ติดปัญหาส่งออกอย่างแน่นอน” รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว
น.ส.รัชดา กล่าวว่า ระหว่างช่วงระยะของการผ่อนผัน กระทรวงเกษตรฯได้ติดตามการประเมินสถานภาพสัตว์ทะเลเลี้ยงลูกด้วยนม วางระบบรวบรวมข้อมูลสัตว์ทะเลเลี้ยงลูกด้วยนมจากการทำประมง พัฒนากฎระเบียบ ข้อบังคับ หรือมาตรการที่เกี่ยวข้องในการลดการตายและการบาดเจ็บของสัตว์ทะเลเลี้ยงลูกด้วยนมจากการทำประมง เพื่อให้สอดรับกับกฎหมาย MMPA อีกทั้งจัดตั้งคณะทำงานด้านต่าง ๆ และจัดทำรายงานข้อมูลต่อสหรัฐฯ อย่างต่อเนื่องทุกปี
“นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องบูรณาการการทำงานกันอย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันผลกระทบต่อการส่งออกสินค้าสัตว์น้ำของประเทศไทย รวมถึงไม่ให้เกิดผลกระทบต่อชาวประมงและผู้ประกอบการ อีกทั้งการดำเนินการตามกฎหมายต่าง ๆ จะต้องทำควบคู่ไปกับการบรรเทาผลกระทบต่อประมงพื้นบ้าน ซึ่งเป็นวิถีชีวิตดั้งเดิมของประชาชน เพื่อให้เกิดการแก้ไขปัญหาครอบคลุมประเด็นที่รอบด้าน เป็นระบบ ตลอดจนสร้างความเชื่อมั่นต่ออาหารทะเลไทยเพื่อผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศ ไปพร้อมกับการทำประมงที่ยั่งยืน” น.ส.รัชดา กล่าว.-สำนักข่าวไทย