มุกดาหาร 17 ก.ย. – “ลุงพล” พร้อมพวกที่เป็นยูทูบเบอร์อีก 2 คน เดินทางมาศาลจังหวัดมุกดาหาร ตามนัด ฐานกระทำผิด พ.ร.บ.ป่าไม้ฯ, พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติฯ ส่วนอีกคดี ลุงพลทำผิดข้อหาทำร้ายนักข่าว
วันนี้ที่ศาลจังหวัดมุกดาหาร นายไชย์พล วิภา หรือลุงพล พร้อมพวก ที่เป็นยูทูบเบอร์อีก 2 คน เดินทางมาที่ศาลจังหวัดมุกดาหาร ตามนัด โดยทั้ง 3 คน เป็นจำเลย 1-3 ฐานกระทำผิด พ.ร.บ.ป่าไม้ฯ, พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติฯ กรณีลุงพลกับพวก ร่วมกันบุกรุกเขตป่าสงวนฯ ตัดต้นกระถินป่า 4 ต้น เพื่อก่อสร้างวังพญานาค ในพื้นที่ อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร ส่วนอีกคดี ลุงพลได้ทำผิดข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่น และข่มขืนใจผู้อื่น (คดีทำร้ายนักข่าว) โดยทั้ง 2 คดี จำเลยให้การปฏิเสธ
วันนี้ลุงพลเดินทางมาศาลโดยรถตู้ส่วนตัว พร้อมกับป้าแต๋น ด้วยท่าทีเคร่งเครียด ไม่ได้ออกมาทักทายบรรดายูทูบเบอร์ที่มารอให้กำลังใจ และไม่ได้มีการให้สัมภาษณ์ใดๆ กับสื่อมวลชน
หลังขึ้นศาลประมาณ 2 ชั่วโมง นายสมเกียรติ โรจนวรกมล ทนายความ เปิดเผยว่า ในวันนี้แยกเป็น 2 คดี คือ คดีทำร้ายร่างกายนักข่าว และคดีบุกรุกลานพญานาค วันนี้นัดสอบคำให้การจำเลย ว่าจะยอมรับสารภาพหรือปฏิเสธ โดยเชื่อว่าคดีทำร้ายร่างกายและข่มขืนใจ ซึ่งไม่ได้เป็นข้อหาที่รุนแรงมากนัก ไม่น่าจะยืดเยื้อ เพราะคดีนานแล้ว แต่คดีบุกรุกป่าสงวนฯ ที่เราปฏิเสธน่าจะนาน พร้อมฝากบอกผู้เสียหายคดีทำร้ายร่างกาย ก็คุ้นเคยกันมานานแล้ว พอจะคุยกันได้ไหม หากยอมก็ถอนฟ้องได้เลย คือจะเยียวยาก็ว่ากันไป
ส่วนคดีบุกรุกสร้างพญานาค ยังไม่รู้ว่าผิดหรือไม่ผิด เราไม่ใช่ศาล ส่วนประเด็นที่จะสู้แนวทางไหน ต้องขออนุญาตไม่ตอบ เดี๋ยวไปกระเทือนท่านอัยการ แต่ถามว่าโทษหนักไหม ต้องไปดูตามกฎหมายเลย
สำหรับลุงพล นอกจากจะถูกดำเนินคดีข้อหาบุกรุกป่าสร้างวังพญานาค ทำร้ายร่างกายและข่มขืนใจนักข่าว ที่มาขึ้นศาลในวันนี้ ยังตกเป็นผู้ต้องหาคดีการหายตัวไปของน้องชมพู่ โดยถูกตั้งข้อหาหนัก 4 ข้อหา คือ 1.พรากเด็กอายุไม่เกินสิบห้าปี ไปเสียจากบิดามารดา โดยปราศจากเหตุอันควร 2.ทอดทิ้งเด็กอายุไม่เกินเก้าปี เพื่อให้เด็กนั้นพ้นไปเสียจากตน โดยประการที่ทำให้เด็กนั้นปราศจากผู้ดูแล เป็นเหตุให้เด็กถึงแก่ความตาย 3.กระทำการใดๆ แก่ศพ หรือสภาพแวดล้อมในบริเวณที่พบศพ ก่อนการชันสูตรพลิกศพเสร็จสิ้น ในประการที่น่าจะทำให้การชันสูตรพลิกศพหรือผลทางคดีเปลี่ยนแปลงไป และ 4.ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา
ขณะที่ป้าแต๋นถูกแจ้งข้อกล่าวหาแล้ว 1 ข้อหา คือ ร่วมกระทำผิดกับผู้ต้องหา โดยร่วมกันกระทำการใดๆ แก่ศพของน้องชมพู่ หรือสภาพแวดล้อมในบริเวณที่พบศพ ก่อนการชันสูตรพลิกศพเสร็จสิ้น โดยคดีที่เกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของน้องชมพู่ ล่าสุดยังอยู่ระหว่างการพิจารณาในชั้นอัยการ.-สำนักข่าวไทย