กรุงเทพฯ 16 ส.ค.- “ออมสินห่วงใย ส่งกำลังใจให้สังคม” บริจาคเงินกว่า 15 ล้านบาท สู้ภัย COVID-19 ตั้งเพจ “ออมสินห่วงใย” สร้างศูนย์ช่วยเหลือออนไลน์ จัดทีมไรเดอร์ออมสินห่วงใย อาสาจัดส่งยาและเวชภัณฑ์แก่ผู้ป่วยรักษาตัวที่บ้าน
นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า จากปัญหาเชื้อไวรัส COVID-19 เพิ่มขึ้นสูงมาก จึงมีผู้ป่วยรอรับความช่วยเหลือจำนวนมาก ธนาคารออมสินจึงจัดทำ โครงการ “ออมสินห่วงใย ส่งกำลังใจให้สังคม” ธนาคารได้เปิดตัว เฟสบุ๊กเพจ “ออมสินห่วงใย” อาสาเป็นศูนย์รวมความช่วยเหลือแห่งใหม่บนโลกโซเชียล ให้ผู้ป่วยหรือผู้เดือดร้อนเข้าถึงความช่วยเหลือได้เร็วขึ้น มุ่งให้ความช่วยเหลือ 3 ด้าน ได้แก่ 1.บริการ “ไรเดอร์ออมสินห่วงใย” จัดส่งยา เวชภัณฑ์ หรือสิ่งของยังชีพ ทั้งที่เป็นการส่งให้ผู้ที่ติดต่อเพจออมสินห่วงใยโดยตรง และช่วยภารกิจของหน่วยงานหรือกลุ่มจิตอาสาที่ขาดแคลนกำลังคนในการส่งของให้ผู้ป่วย
2. การบริจาคอาหารฟรี ทั้งอาหารปรุงสุกและอาหารแห้ง และ3) การช่วยเหลือหน่วยงาน พันธมิตร และกลุ่มจิตอาสา ทำภารกิจช่วยเหลือผู้เดือดร้อนของแต่ละเครือข่าย เช่น สปสช. กลุ่มเส้นด้าย เพจอีจัน เพจเราต้องรอด We Care Network ตลอดจนสถานพยาบาลในพื้นที่ธนาคารออมสินภาคทั่วประเทศ ติดตามข้อมูล หรือแจ้งรายละเอียดความช่วยเหลือที่ต้องการได้ตลอด 24 ชั่วโมงโดยกดไลค์และติดตามเพจ “ออมสินห่วงใย” เพียงคลิก facebook/GSBfightCOVID หรือเข้า facebook พิมพ์ค้นหา “ออมสินห่วงใย” ตั้งแต่วันนี้ เป็นต้นไป
ธ.ออมสิน ยังได้บริจาคเงิน 15 ล้านบาท มอบความช่วยเหลือสู้ภัย COVID-19 ผ่านหลายหน่วยงาน อาทิ การบริจาคเงินจัดตั้งศูนย์พักคอย กทม. รองรับผู้ป่วยสีเขียว การบริจาคเงินสนับสนุนภารกิจโรงพยาบาลสนาม ของโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ เฉลิมพระเกียรติ และการบริจาคเงินสนับสนุนภารกิจของโรงพยาบาลศรีธัญญา รวมทั้งยังมอบ อาคาร สถานที่จัดทำเป็นสถานที่กักตัวผู้เสี่ยงสูง (Local Quarantine) หรือศูนย์แยกกักตัวในชุมชน (Community Isolation) ของแต่ละพื้นที่ อาทิ ศูนย์การเรียนรู้วิทยาลัยออมสิน (ศูนย์การเรียนรู้ส่องแสง) เป็นอาคารเรียน บ้านพัก และหอประชุม บนพื้นที่กว่า 50 ไร่ ตั้งอยู่ที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา รวมถึงอาคาร บ้านเรือน และรีสอร์ตอีกหลายแห่ง ในจังหวัดลำปาง ลพบุรี พิษณุโลก ขณะนี้อยู่ระหว่างเตรียมการส่งมอบพื้นที่แก่หน่วยงานที่รับผิดชอบการจัดตั้งศูนย์ฯ และเตรียมขยายผลดำเนินการ ในจังหวัดอื่นต่อไป.- สำนักข่าวไทย