กรุงเทพฯ 1 ก.ค. – หุ้น SECURE เปิดเทรดวันแรกที่ 27.50 บาท เพิ่มขึ้น 11.50 บาท หรือบวกร้อยละ 71.88 จากราคาขาย IPO ที่ 16 บาท/หุ้น
นายประพันธ์ เจริญประวัติ ผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เปิดเผยว่า mai ยินดีต้อนรับ บมจ. เอ็นฟอร์ซ ซีเคียว เข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายใน mai ภายใต้กลุ่มเทคโนโลยี โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า “SECURE” ในวันที่ 1 กรกฎาคม 2564 SECUREดำเนินธุรกิจเป็นตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์โซลูชั่นด้านการรักษาความปลอดภัยทางเทคโนโลยีไซเบอร์ และธุรกิจให้บริการที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ที่บริษัทเป็นตัวแทนจำหน่าย โดยแบ่งผลิตภัณฑ์ที่บริษัทเป็นตัวแทนจำหน่าย4ประเภท ได้แก่(1) ระบบรักษาความปลอดภัยของอุปกรณ์ผู้ใช้งานโดยตรง (2) ระบบรักษาความปลอดภัยบนเครือข่าย (3) ระบบการบริหารจัดการประสิทธิภาพ และ (4) ระบบหรือซอฟต์แวร์อื่นๆ ได้แก่ ซอฟต์แวร์ที่เกี่ยวข้องกับการเข้ารหัสข้อมูล ซอฟต์แวร์ที่เกี่ยวข้องกับการยืนยันและระบุตัวตน และซอฟต์แวร์ที่เกี่ยวข้องกับการจัดเก็บข้อมูล เป็นต้น โดยเจ้าของผลิตภัณฑ์ซึ่งเป็นผู้นำด้านการรักษาความปลอดภัยทางเทคโนโลยีไซเบอร์ ที่บริษัทเป็นตัวแทนจำหน่าย ได้แก่Palo Alto Networks,Trendmicro, Solarwinds, Radware, Carbonblack, GigamonและExtrahop Networksเป็นต้น ทั้งนี้ บริการที่เกี่ยวเนื่องกับผลิตภัณฑ์ที่เป็นตัวแทนจำหน่าย ได้แก่ บริการบำรุงรักษา บริการด้านการติดตั้ง และบริการฝึกอบรมการใช้งานระบบ โดยมีกลุ่มลูกค้าหลักคือ ผู้รับเหมารวบรวมระบบและเทคโนโลยี (System Integrator : SI)ที่ทำหน้าที่ออกแบบระบบต่างๆ โดยนำเสนอโซลูชั่นที่ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานโดยตรงในระดับองค์กร ทั้งหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน
นายนักรบ เนียมนามธรรม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็นฟอร์ซ ซีเคียว จำกัด (มหาชน) หรือ SECURE เปิดเผยว่า รู้สึกดีใจที่หุ้น SECURE ได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างคึกคัก เนื่องจากเป็นหุ้นที่อยู่ในอุตสาหกรรมการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ ซึ่งมีแนวโน้มเติบโตอย่างรวดเร็ว จากความต้องการใช้เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เชื่อช่วยผลักดันธุรกิจให้เติบโตได้อย่างก้าวกระโดด
ทั้งนี้ บริษัทพร้อมเดินหน้าขยายธุรกิจสร้างศูนย์ให้บริการด้านเทคนิค (Technical Support Center) การลงทุนเพื่อวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับ Cyber Security การลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง เพื่อสร้างการเติบโต SECURE มีศักยภาพฐานทุนที่แข็งแกร่ง พร้อมกับยกระดับมาตรฐานองค์กรให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากลทั้งคู่ค้า ลูกค้า และพันธมิตร รวมทั้งจะเป็นปัจจัยสนับสนุนให้เพิ่มโอกาสในการขยายธุรกิจไปต่างประเทศได้มากขึ้น
สำหรับปีนี้ตั้งเป้ารายได้เติบโตมากกว่าร้อยละ 15 จากปีก่อน โดยผลดำเนินงานไตรมาส 1/2564 มีกำไรสุทธิ 27.78 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 488.29 จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 4.7 ล้านบาท จากการเติบโตของรายได้จากการลงทุนในระบบความมั่นคงปลอดภัยด้านไซเบอร์ขององค์กรภาครัฐและเอกชน และมีรายได้รวมอยู่ที่ 282.52 ล้านบาท เพิ่มขึ้น ร้อยละ46.44 จากช่วงเดียวกันปีก่อนร้อยละ 46.44 หลังพฤติกรรมผู้บริโภคและภาคธุรกิจได้มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วจากผล กระทบของการแพร่ระบาดของโควิด-19 สู่กระบวนการดิจิทัลทรานฟอร์เมชั่น (Digital Transformation)
ส่วนอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ร้อยละ 20.49 ใกล้เคียงช่วงเดียวกันปีก่อนอยู่ที่ร้อยละ 20.47 หลังสามารถบริหารควบคุมต้นทุนสินค้าได้ดี ขณะที่บริษัทมีค่าใช้จ่ายในการบริหารลดลง จากช่วงเดียวกันปีก่อน จากสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายพนักงานได้ดี ขณะที่ค่าใช้จ่ายหลักมาจากการเตรียมความพร้อมในการเป็นบริษัทจดทะเบียน . – สำนักข่าวไทย