กรุงเทพฯ 24 มิ.ย.-ประธานบอร์ด RATCH แจงเพิ่มทุน 3 หมื่นล้านบาท เพื่อการลงทุนและผลตอบแทนในอนาคต ทั้งธุรกิจพลังงานทดแทน และเชื้อเพลิงทั่วไป ระบุลงทุนโรงไฟฟ้าถ่านหินในอินโดนีเซีย ไม่ได้สร้างปัญหาโลกร้อนเพิ่มขึ้น
นายบุญญนิตย์ วงศ์รักมิตร ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และประธานคณะกรรมการบริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ RATCH กล่าวถึงกรณีที่ RATCH เตรียมเพิ่มทุน 3 หมื่นล้านบาทว่า เป็นการเตรียมเงินลงทุนสำหรับแผนลงทุน 5 ปี ( 64-68 ) ราว 5 หมื่นล้านบาท เพื่อขยายกิจการ และรองรับโรงไฟฟ้าราชบุรีที่จะหมดอายุสัญญาลง ทั้งลงทุนโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงฟอสซิล พลังงานทดแทน ทั้งในและต่างประเทศ รวมทั้งโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินในอินโดนีเซียที่ประกาศไปเมื่อเร็วๆนี้ ซึ่งเงินลงทุนจะมาจากเพิ่มการเพิ่มทุน ผลประกอบการของบริษัท และเงินกู้ ทั้งนี้ โครงการใหม่ล่าสุด ที่ RATCH ประกาศลงทุนคือ โรงไฟฟ้าพลังความร้อน โดยใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิง ขนาดกำลังผลิต 2,045 เมกะวัตต์ ตั้งอยู่ที่ Paiton Power Generation Complex สาธารณะรัฐอินโดนีเซีย ซึ่งมีความสำคัญต่อยุทธศาสตร์ด้านพลังงานของประเทศ และมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าสาธารณะรัฐอินโดนีเซีย หรือ PT Perusahaan Negara (PLN) คงเหลืออีก 21 ปี สัญญาไฟฟ้าที่เหลือก็สร้างผลตอบแทนที่ดี “การลงทุน โรงไฟฟ้า ถ่านหิน Paiton ทาง RATCH ไม่ได้เพิ่มจำนวนก๊าซ CO2 ของโลกแต่อย่างใด เพราะไม่ใช่โรงไฟฟ้าใหม่ เป็นการเดินเครื่องอยู่แล้วในประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งมีทรัพยากรถ่านหินเป็นจำนวนมาก รวมทั้งมีโอกาสลงทุนพลังงานทดแทน ในขณะเดียวกันเป็นการสร้างความยั่งยืนของรายได้ ของRATCH ที่จะมาทดแทนโรงไฟฟ้าราชบุรี ซึ่งบริษัทมีแผนลงทุนพลังงานทดแทนในอีกหลายประเทศ แต่ก็ต้องยอมรับว่าช่วงนี้มีการแข่งขันที่สูง” นายบุญญนิตย์ กล่าว ส่วนการที่ RATCH ประกาศเพิ่มทุน 769.230770 ล้านหุ้น (Par 10 บาท) ในรูปแบบ Preferential Public Offering ในอัตราส่วน 1.885 หุ้นเดิม : 1 หุ้นใหม่ นั้น นายบุญญนิตย์ ระบุว่า ยังไม่ทราบว่าราคาเป็นเท่าไหร่ โดยจะต้องเสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นให้เห็นชอบเสียก่อน ซึ่ง กฟผ.ถือหุ้นใน RATCH ร้อยละ 45 หากคิดตามสัดส่วน กฟผ.ก็ต้องเพิ่มทุกราว 13,500 ล้านบาท ซึ่งต้องรอความเห็นชอบจากรัฐบาลเสียก่อน หาก กฟผ.เข้าเพิ่มทุนก็จะสร้างความมั่นใจให้นักลงทุน ในขณะเดียวกันหากไม่เพิ่มทุนก็จะมีผลทำให้สัดส่วนกาดถือหุ้นใน RATCH ลดลง โดยที่ผ่านมา เงินปันผลของบริษัทในเครือ ทั้ง RATCH และ เอ็กโก กรุ๊ป ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ กฟผ.มีเงินสำส่งรัฐบาลที่ล่าสุดปี 63 รัฐบาลขอให้นำส่งร้อยละ 50 ของผลกำไร โดยจัดส่งราว 28,619 ล้านบาท ก่อนหน้านี้ RATCH ระบุ การลงนามสัญญาเข้าซื้อสัดส่วนร่วมทุน 45.515% ในโรงไฟฟ้าถ่านหิน PT Paiton Energy (Paiton กำลังผลิต 2,045 เมกะวัตต์ บนสัดส่วน 100%) ในอินโดนีเซีย และ 65% ใน IPM Asia Pte. Ltd. (ธุรกิจเดินเครื่องและบำรุงโรงไฟฟ้าดังกล่าว) โดยคาดดีลจะเสร็จสมบูรณ์ภายใน มี.ค. 2565 (ยังไม่มีรายละเอียดดีลและมูลค่าการเข้าซื้อ) จากการขยายการลงทุนต่อเนื่อง ทั้งส่วนของโรงไฟฟ้าถ่านหิน Paiton (equity MW : 931MW) และดีล M&A อื่นที่คาดจะสรุปได้ในปีนี้อีก 2 ดีล ทำให้บริษัทต้องดำเนินการเพิ่มทุนเพื่อรองรับ การเติบโตดังกล่าว.-สำนักข่าวไทย |