แผนพลังงานชาติ “ไม่มี รฟ.ถ่านหินเกิดใหม่”

กรุงเทพฯ 14  มิ.ย.- ปลัด ก.พลังงาน ฟันธง แผนพลังงานสู่สังคมคาร์บอนต่ำ “ไม่มีโรงไฟฟ้าถ่านหินเกิดใหม่” พร้อมชูโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน มีสัดส่วนไม่ต่ำกว่าร้อยละ 35-45 และเร่งแผนอีวีตามกำหนด 

นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ในขณะนี้ กำลังเร่งจัดทำแผนพลังงานชาติ ซึ่งต้องนำแผนด้านการลดการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์  เพื่อนำพาประเทศไทยเข้าสู่การเป็นสังคมคาร์บอนต่ำในอนาคต ซึ่งเป็นแผนของสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมมาประกอบด้วย เป็นไปตามทิศทางทั่วโลกที่เริ่มประกาศแผนรูปแบบนี้ออกมา ส่วนใหญ่จะระบุไม่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ใน 30 ปีข้างหน้า ในขณะที่ประเทศไทย ในส่วนของอุตสาหกรรมพลังงานเป็นส่วนปลดปล่อยก๊าซนี้มากที่สุดมีสัดสัดส่วนร้อยละ 30 รองลงมาก็คือ ภาคการขนส่ง ดังนั้นตามแผนพลังงานชาติ ส่วนหนึ่งเตรียมจะกำหนดว่า ไม่มีโรงไฟฟ้าถ่านหินใหม่ๆที่เกิดขึ้นในไทย ยกเว้นโรงไฟฟ้าแม่เมาะส่วนขยาย 650 เมกะวัตต์ ที่อนุมัติไปแล้ว ในขณะที่จะต้องเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในพลังงงาน ทดแทน หรือ RE (renewable energy) จากเดิมร้อยละ 30 ก็ต้องเพิ่มมากขึ้น เป็นร้อยละ 35-45 รวมถึงการกำหนดแผนส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้า (อีวี ) ให้มีอย่างน้อยร้อยละ30 ของการผลิต ในปี 2573  โดยต้องดูถึงการส่งเสริมอุปกรณ์ที่เกี่ยวเนื่อง การใช้ภาษ๊มาสนับสนุน รวมไปถึงแผนส่งเสริมเชื้อเพลิงไฮโดรเจน การปรับปรุงระบบส่งให้ทันสมัย  (Grid Modernization )เพื่อรองรับพลังงานทดแทน    “แผนพลังงานชาติก็จะสอดคล้องกับแผนลดการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ของประเทศ แผน BCG สอดคล้องกับโมเดลใหม่ และพัฒนาโครงสร้างให้เหมาะสมแลละปรับปรุง ในส่วนของพลังงานที่เกี่ยวข้องให้สอดคล้อง เป็น ENERGY TRANSITION  ทั้งท่อก๊าซ ท่อน้ำมัน สายส่ง โรงกลั่นฯ และอื่นๆ ในขณะที่ไฟฟ้าก็ต้องจัดทำแผนระยะยยาวเป็นพีดีพี 2022” ปลัดกระทรวงพลังงานระบุ   สำหรับการเพิ่มสัดส่วน RE จะเป็นส่วนหนึ่งของการส่งเสริมการลงทุน การส่งออก เพราะปัจจุบัน มีเงื่อนไขของการลดก๊าซเรือนกระจกเข้ามาใช้สำหรับการค้าระหว่างประเทศเพิ่มขึ้น ซึ่งกลุ่มผู้ส่งออกก็สามารถมาซื้อ RE ในไทยได้ และรัฐก็ต้องส่งเสริมแพลทฟอร์มนี้ให้เกิดการตรวจสอบย้อนกลับได้ ซึ่งจะทำให้เกิดการลงทุน RE เพิ่มขึ้นเช่น ชีวมวล ชีวภาพ โซลาร์ฟาร์ม ขยะ รวมถึงการซื้อพลังน้ำจากสปป.ลาว อย่างไรก็ตามจะเพิ่มการรับซื้อไฟฟ้าจากต่างประเทศเพิ่มขึ้นหรือไม่ ก็คงจะต้องมีการหารือถึงความเหมาะสมต่อไป ทั้งนี้ ตามแผนอีวีของไทย ในปี 2573 ตามนโยบาย 30/30 จะมีการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าประเภทรถยนต์นั่งและรถกระบะ 725,000 คัน ประเภทรถจักรยานยนต์จะมีการผลิตทั้งสิ้น 675,000 คัน คิดเป็น 30% ของการผลิตในปี 2573 และรวมถึงการผลิตแบตเตอรี่เพื่อตอบสนองการผลิตในประเทศด้วย. -สำนักข่าวไทย