กรมทรัพยากรน้ำ 21 ก.ค.63 – กรมทรัพยากรน้ำ พร้อมบูรณาการปรับปรุงฟื้นฟูบึงสีไฟ จ.พิจิตร เพิ่มศักยภาพพื้นที่เก็บกักน้ำสำหรับใช้ในฤดูแล้ง
นายภาดล ถาวรกฤชรัตน์ อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำ กล่าวว่า กรมทรัพยากรน้ำ ได้ร่วมประชุมหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เตรียมดำเนินการอนุรักษ์ฟื้นฟูบึงสีไฟ จ.พิจิตร เพื่อเพิ่มศักยภาพในการเก็บกักน้ำไว้ใช้ในฤดูแล้ง ใช้เป็นแหล่งน้ำต้นทุนสำหรับการอุปโภคบริโภคและเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ อีกทั้งใช้ประโยชน์เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ สถานที่ท่องเที่ยวตามธรรมชาติ ให้ประชาชนเข้ามาใช้ประโยชน์ อีกทั้งสามารถพัฒนาให้เป็นพื้นที่แหล่งศึกษาเรียนรู้ด้านระบบนิเวศและสิ่งแวดล้อมในบึงสีไฟ ซึ่งมีความสมบูรณ์สูงอีกแห่งของไทย เป็นแหล่งน้ำจืดขนาดใหญ่ ในเขตแม่น้ำพิจิตรสายเก่า รวมทั้งยังเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำนานาชาติ 1 ใน 69 แห่งของประเทศไทย จากการสำรวจระบบนิเวศ พบนกกว่า 80 ชนิด เป็นนกน้ำกว่า 35 ชนิด นกประจำถิ่นและนกอพยพกว่า 30 ชนิด ส่วนพันธุ์ปลามีกว่า 33 ชนิด และพันธุ์พืชกว่า 49 ชนิด
ทั้งนี้เมื่อทำการฟื้นฟูบึงสีไฟเสร็จสิ้น จะเป็นพื้นที่สำคัฐใช้เก็บกักน้ำได้เพิ่มมากขึ้นกว่า 12 ล้านลูกบาศก์เมตร ประชาชนโดยรอบสามารถใช้ประโยชน์ในช่วงฤดูแล้งได้อย่างเพียงพอ ลดผลกระทบจากภัยแล้งใน
ขณะที่การฟื้นฟูแม่น้ำพิจิตรสายเก่า ซึ่งมีความยาวตลอดลำน้ำ 127 กิโลเมตร ปัจจุบันมีวัชพืชขึ้นหนาแน่นตามลำแม่น้ำ เนื่องจากไม่มีน้ำต้นทุนมาเติมให้แม่น้ำพิจิตร ประชาชนที่อาศัยอยู่ตลอดสองฝั่งลำน้ำ ประสบปัญหาขาดแคลนน้ำสำหรับการเกษตร
โดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ได้มอบนโยบายแนวทางการแก้ไขปัญหาและอนุรักษ์ฟื้นฟูแม่น้ำพิจิตรสายเก่า ให้ปรับปรุงอาคารบังคับน้ำ และประตูระบายน้ำ บริเวณช่วงต้นน้ำ กลางน้ำและช่วงปลายน้ำ โดยดำเนินการ 3 จุด คือ ประตูระบายอาคารบังคับน้ำดงเศรษฐี ประตูระบายอาคารบังคับน้ำตำบลวัดขวาง และ ประตูระบายอาคารบังคับน้ำวัดบางคลาน โดยให้เสร็จทันพร้อมรับน้ำในช่วงฤดูฝนนี้
ด้านกรมชลประทาน ให้เร่งสำรวจออกแบบลำน้ำแม่น้ำพิจิตรสายเก่าทั้งระบบให้แล้วเสร็จภายในปี 2563 และ สทนช.บูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ไขปัญหาสิ่งกีดขวางทางน้ำ ตามการสำรวจออกแบบของกรมชลประทาน จะช่วยฟื้นฟูศักยภาพของแม่น้ำพิจิตรให้รองรับน้ำฝนได้อย่างเต็มประสิทธืภาพ เป็นแหล่งน้ำต้นทุนให้ประชาชนได้ใช้ประโยชน์อย่างเหมาะสม .-สำนักข่าวไทย