กรุงเทพฯ 18 ก.ค..- อธิบดีกรมราชทัณท์เผยกรณีการอนุญาตให้นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อไปร่วมพิธีฌาปนกิจศพบิดา เป็นไปตามระเบียบขั้นตอน หลักเกณฑ์ในการลากิจของนักโทษเด็ดขาด
พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกกรมราชทัณท์กล่าวถึงกรณีการอนุญาตให้นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ซึ่งถูกคุมขัง อยู่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร หลัง
ศาลฎีกา ได้พิพากษาจำคุก เป็นเวลา 2 ปี 8 เดือน ในคดีบุกบ้านสี่เสาเทวศร์ เมื่อปี 2550 ไป ร่วมพิธีฌาปนกิจศพบิดา ที่วัดบางเพ็งใต้ กรุงเทพฯ ว่าเป็นไปตามระเบียบขั้นตอน หลักเกณฑ์ในการลากิจของนักโทษเด็ดขาด เฉพาะการลาไปประกอบพิธีศพ ผู้ต้องขังทุกคนสามารถขออนุญาตลา ออกไปนอกเรือนจำเพื่อทำกิจธุระจำเป็นได้ ซึ่งมีเจ้าหน้าที่เดินทางไปด้วย โดยเป็นอำนาจอธิบดีกรมราชทัณฑ์ และกรณีดังกล่าวเป็นเรื่องมนุษยธรรม และเป็นสิทธิของผู้ต้องขังไม่ได้มีอะไรผิดระเบียบหรือมีอะไรเป็นกรณีพิเศษแต่อย่างใด
สำหรับการลากิจของผู้ต้องขังเป็นไปตามระเบียบพ.ร.บ.ราชทัณฑ์ พ.ศ. 2479 หมวด 8 คือ หมวดวินัย มาตรา 32(4) ระบุว่านักโทษเด็ดขาดคนใดแสดงให้เห็นความประพฤติดี มีความอุตสาหะ ความก้าวหน้าในการศึกษา และทำการงานเกิดผลดี หรือทำความชอบแก่ราชการเป็นพิเศษอาจได้รับประโยชน์อย่างหนึ่ง หรือหลายอย่างดังต่อไปนี้ เช่น. ลาไม่เกิน 4วันในคราวหนึ่งโดยไม่รวมเวลาที่ต้องใช้ในการเดินทาง เมื่อมีความจำเป็นเห็นประจักษ์เกี่ยวด้วยกิจธุระสำคัญ หรือกิจการในครอบครัว แต่ห้ามมิให้เดินทางออกนอกราชอาณาจักรและต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขที่รัฐมนตรีกำหนดไว้ ระยะเวลาที่อนุญาตให้ลาไม่ให้หักออกจากการคำนวณกำหนดโทษ
การลากิจของผู้ต้องขังสามารถอนุญาตได้ไม่เกิน 4 วัน ส่วนใหญ่เป็นกรณีพ่อ แม่ ป่วยหนัก หรือลาไปเผาศพพ่อ แม่ แต่ในการลากิจจะมีผู้คุมควบคุมตัวออกไปและรับกลับทุกครั้ง ทั้งนี้ ระเบียบดังกล่าวไม่มีการจำกัดสิทธิว่าต้องเป็นนักโทษชั้นกลาง ชั้นดี หรือชั้นเยี่ยม ขอให้เป็นนักโทษเด็ดขาดที่มีความประพฤติดี ในอดีตจะอนุญาตให้ลากิจได้ในหลายกรณี แต่ปัจจุบันตัดเหลือกรณีลาไปร่วมงานศพเพียงอย่างเดียว โดยถือเป็นเหตุผลในด้านมนุษยธรรมหรือธรรมจรรยา หากนักโทษไม่มีเหตุหลบหนีก็มักอนุญาตโดยจะยึดพฤติการณ์และไม่มีเหตุหลบหนีเป็นหลัก.-สำนักข่าวไทย
