กรุงเทพฯ 26 เม.ย.-“คุณหญิงสุดารัตน์”
เรียกร้องเปิดสภาฯสมัยวิสามัญถกปัญหาประชาชนและเงินกู้ 1.9 ล้านล้าน เสนอ 5 ข้อเปิดเมืองให้เศรษฐกิจเดินได้ ย้ำถ้าต่อ
พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ต้องฟังแพทย์ ไม่ใช่หน่วยงานความมั่นคง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์
ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยนายการุณ โหสกุล ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย
และคณะทำงาน มอบถุงยังชีพให้กับประชาชน ที่หมู่บ้านปิ่นเจริญ 4 เขตดอนเมือง กทม.
โดยมีการสอบถามชีวิตความเป็นอยู่ การดำรงชีพ ปัญหาตกงาน
และเรื่องเงินเยียวยาสถานการณ์โควิด - 19 พร้อมไลฟ์สดทางเพจ Facebook ส่วนตัว
และได้พาบุตรชายกับบุตรสาว มาแนะนำการทำเพจและขายสินค้าทางออนไลน์แก่ชาวชุมชนด้วย
คุณหญิงสุดารัตน์ ยืนยันข้อเรียกร้องของพรรคเพื่อไทยที่ต้องการให้เปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎร
สมัยวิสามัญ ซึ่งห้องประชุมใหญ่สร้างเสร็จแล้ว
สามารถใช้มาตรการ Social distancing ได้
เพื่อจะได้นำปัญหาการเยียวยาและความเดือนร้อนของประชาชนเข้าพิจารณาร่วมกันทุกฝ่าย
และพรรคเพื่อไทย กังวลใจกับเงินกู้ 1.9 ล้านล้านบาท
ที่ควรนำมาพิจารณาเปรียบเทียบกับการตัดงบประมาณปี 63-64 ที่ไม่จำเป็นออกมาใช้
จะได้ลดจำนวนเงินที่จะกู้ได้ เพราะเป็นการจัดงบฯในช่วงที่ไม่มีวิกฤต แต่เมื่อมีวิกฤติที่” จึงต้องจัดลำดับความสำคัญการใช้เงิน
คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวด้วยว่า ผู้มีอำนาจควรคิดถึงการเปิดเมืองอย่างปลอดภัยมากกว่าต่ออายุ
พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แม้ว่าโควิด -19 จะยังอยู่กับสังคมไทยและสังคมโลก
แต่บริบทความมั่นคงของชาติเปลี่ยนไป ที่ปัจจุบันต้องต่อสู้กับเชื้อโรค
ผู้ทำหน้าที่สู้รบคือบุคลากรทางการแพทย์
ไม่ใช่การทหารที่ต้องรบราฆ่าฟันกับศัตรู ดังนั้น
การจะต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯหรือไม่ ต้องฟังแพทย์ไม่ใช่หน่วยงานความมั่นคง
และมุ่งสร้างสมดุลระหว่างการควบคุมโรคกับการให้ธุรกิจดำเนินการได้ พร้อมเสนอ 5
ข้อสำหรับการเปิดเมือง คือ “Reopening แบบมีข้อบังคับด้านสาธารณสุข” อย่างเคร่งครัด /
สนับสนุนทุกจังหวัดที่จะเปิดเมืองให้มีความสามารถในการตรวจหาเชื้อและนำตัวผู้ติดเชื้อมาเข้าระบบแยกตัว
รวมทั้ง X-Ray พื้นที่สม่ำเสมอ ไม่ให้มีการกลับมาระบาดใหม่ /.ยังต้องเข้มงวดในการป้องกันผู้ติดเชื้อใหม่ไม่ให้เดินทางเข้าประเทศด้วยมาตรการ
State Quarantine 14 วัน อย่างต่อเนื่อง /
สนับสนุนงบประมาณให้โรงพยาบาลมีเครื่องมืออุปกรณ์ทางการแพทย์อย่างเพียงพอ เพื่อเตรียมพร้อมรับมือ หากมีการระบาดในรอบใหม่ และในส่วนของประชาชนต้องปรับตัวให้เข้ากับ New Normal โดยให้ความร่วมมือในการสวมหน้ากาก, Social Distancing และรักษาสุขภาพอนามัย ขณะที่รัฐบาลต้องสนับสนุนให้ Work From Home หรือการเรียน On-Line อีกสักระยะ
ด้านนายการุณ กล่าวว่า เข้าใจสถานการณ์ของชาวดอนเมืองท่ามกลางเคอร์ฟิว
ซึ่งหลายคนตกงานและสถานประกอบการต้องปิดกิจการ จึงเกิดโครงการ
“ดอนเมืองไม่ทิ้งกัน คนไทยรักกัน” ซึ่งทยอยบริจาคทุกๆชุมชน
พร้อมตั้งคำถามว่า ทำไมภาครัฐไม่ทำโครงการลักษณะนี้ทั่วประเทศทั้งที่มีอำนาจเต็ม
ด้านนางพรทิพย์ เขียนนุกูล
ประธานชุมชน ระบุว่า
ที่ผ่านมาชาวชุมชนเหลือตัวเองและดีใจที่มีพรรคการเมืองเข้าให้ความช่วยเหลือ
เพราะยังไม่ได้รับการช่วยเหลือจากภาครัฐเลย
ขณะที่ชาวชุมชนที่ลงทะเบียนรับเงินเยียวยาส่วนใหญ่ไม่เข้าหลักเกณฑ์
จำนวนมากรอทบทวนสิทธิ์และยื่นอุทธรณ์ โดยหมู่บ้านมีทั้งหมด 451 ครัวเรือน
ประชากรราว 15,000 คน ส่วนใหญ่ทำอาชีพค้าขาย ทั้งเสื้อผ้า
สิ่งของอุปโภคและอาหารตามที่ต่างๆ รวมถึงในตลาดนัด ขณะที่โซน 2
ของหมู่บ้านกำลังจะมีการทำตลาดนัดออนไลน์ เพื่อให้ค้าขายได้ในช่วงนี้. สำนักข่าวไทย