เชียงใหม่, เชียงราย 14 มี.ค.- สถานการณ์หมอกควันหลายพื้นที่ภาคเหนือ ยังวิกฤต ที่เชียงใหม่ท้องฟ้าถูกปกคลุมด้วยหมอกควันจากไฟป่าอย่างหนาแน่นจนเป็นเมืองในหมอก
สถานการณ์หมอกควัน ไฟป่า ฝุ่นละอองขนาดเล็กหลายพื้นที่ภาคเหนือ ยังวิกฤต ที่เชียงใหม่ ท้องฟ้าถูกปกคุมไปด้วยหมอกควันจากไฟป่าอย่างหนาแน่น จนเป็นเมืองในหมอก ทัศนวิสัยการมองเห็นต่ำ ประชาชแสบตาแสบจมูก โดยเช้าวันนี้จุดวัดคุณภาพอากาศแบบรายชั่วโมง สูงเกือบ 200 จุดทุกพื้นที่เช่นโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ สูงถึง 192 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร พื้นที่ตำบลพระสิงห์ ตำบลศรีภูมิ ตำบลช้างเผือก PM2.5 สูงถึง 234 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
ส่วนพื้นที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านหลวง อำเภอพร้าว สูงสุดของเชียงใหม่ PM2.5 ทะลุถึง 506 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ จนทำให้วันนี้ แอปพลิเคชั่น AirVisual ได้รายงานสภาพคุณภาพอากาศเชียงใหม่ มีมลพิษสูงเป็นอันดับ 1 ของโลก
ขณะที่ทางมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ในพระบรมราชูปถัมภ์ นำเครื่องดูดมลพิษ จำนวน 4 เครื่อง มาติดตั้งบริเวณข่วงประตูท่าแพ กลางเมืองเชียงใหม่ เพื่อช่วงดูดฝุ่นขนาดเล็ก สร้างสุขภาพอากาศที่ดีให้ประชาชน โดยจะนำมาติดตั้งจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย
ส่วนที่อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ต้องเผชิญทั้งปัญหาควันพิษจากการเผาไหม้ของเครื่องยนต์และควันพิษจากการเผาในที่โล่งแจ้ง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นหมอกควันข้ามแดน ส่งผลให้สภาพท้องฟ้าและท้องถนนในตัวเมืองแม่สาย ถูกปกคลุมไปด้วยหมอกควัน มองเห็นเป็นสีเทา ทัศนวิสัยการมองเห็นต่ำกว่า 50 เมตร ผู้ที่ขับรถจักรยานยนต์ ต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา
ขณะที่ผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศเช้านี้ ที่หน้าสำนักงานสาธารณสุขอำเภอแม่สาย ค่า PM2.5 พุ่งสูงถึง 326 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งถือว่ามีปริมาณที่สูงสุดในประเทศ ส่งผลต่อสุขภาพประชาชน ส่วนในเขตเทศบาลนครเชียงราย ค่า PM2.5 อยู่ที่ 111 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
ด้านโฆษกรัฐบาล เผยนายกรัฐมนตรี เป็นห่วงสถานการณ์ดังกล่าว ในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะกองทัพอากาศ จัดเฮลิคอปเตอร์ขึ้นโปรยน้ำ ลดปัญหาฝุ่นละออง และร่วมกับกรมป้องกันบรรเทาสาธารณภัยสนับสนุนการดับไฟป่าบนยอดเขาสูงและส่งหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ ออกให้บริการประชาชนจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย.-สำนักข่าวไทย