กรุงเทพฯ 9 มี.ค. – การแพร่ระบาดของโควิด-19 ฉุดดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทยต่ำสุดในรอบ 27 เดือน ม.หอการค้าไทยประเมินกระทบเศรษฐกิจ 500,000 ล้านบาท
นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดี มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย แถลงดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทยเดือนกุมภาพันธ์ 2563 ว่า ผลจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 ปัญหาภัยแล้ง บางส่วนมีปัญหาซ้อน เช่น ปัญหาหนี้สินของประชาชน ส่งผลให้ดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทยหรือ TCC-CI ยังคงลดลงต่อเนื่องและต่ำสุดในรอบ 27 เดือน หรือ 9 ไตรมาส อยู่ที่ระดับ 44.9 ลดลงจากเดือนมกราคม 2563 ซึ่งอยู่ระดับ 45.4 ดัชนี TCC-CI ปัจจุบันและอนาคต 6 เดือนข้างหน้า ลดลงจากเดือนมกราคม 2563 เช่นกัน โดยอยู่ที่ระดับ 42.8 และ 47.0 ตามลำดับ เนื่องจากสถานการณ์เศรษฐกิจแย่ลง โดย สาเหตุหลักมาจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้ภาคท่องเที่ยว ภาคบริการ หดตัวลง ประชาชนออกมาจับจ่ายใช้สอยน้อยลง ส่งผลตลาดในประเทศและตลาดโลกหดตัวลงจากความต้องการที่ลดลง
ทั้งนี้ ประเมินว่าสถานการณ์ระบาดของไวรัสโควิด-19 จะส่งผลกระทบให้เกิดความเสียหายภาคเศรษฐกิจประมาณ 500,000 ล้านบาทในภาคท่องเที่ยวและบริการในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ ขณะที่รัฐมีมาตรการช่วยเหลือประมาณ 150,000 ล้านบาท ดังนั้น รัฐบาลจำเป็นต้องมีมาตรการเสริม อย่างไรก็ตาม นักธุรกิจส่วนใหญ่มองว่าในช่วง 6 เดือนข้างหน้า สถานการณ์เศรษฐิจค่อย ๆ ดีขึ้นเล็กน้อย แต่ยังรู้สึกลังเลกับสถานการณ์เศรษฐกิจ
สำหรับข้อเสนอ 5 แนวทาง คือ มาตรการเพิ่มความเชื่อมั่นประชาชนเกี่ยวกับการควบคุมสถานการณ์ไวรัสโควิด-19, การบริหารจัดการน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการทางการเกษตรและอุปโภคบริโภค, กระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ โดยการสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชนออกมาจับจ่ายซื้อสินค้าและหันกลับมาท่องเที่ยวภายในประเทศให้มากขึ้น, เร่งเบิกจ่ายงบประมาณประจำปีเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้นำมาช่วยพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวมและจัดสรรงบประมาณให้เหมาะสมและควรมีมาตรการตรวจสอบงบประมาณว่าลงไปถึงประชาชนในระดับฐานรากอย่างจริงจัง
นายวชิร คูณทวีเทพ อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ เปิดเผยถึงผลสำรวจทัศนะของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีต่อสถานการณ์ปัญหาระยะเวลาสินเชื่อการค้า หรือ “เครดิตเทอม” และสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ว่า นักธุรกิจส่วนใหญ่ มองว่าสถานการณ์ที่ประเทศไทยกำลังเผิชญส่งผลกระทบต่อธุรกิจระดับปานกลางถึงมาก มีสัดส่วนคิดเป็นกว่าร้อยละ 91.7 ของผู้ที่ให้ความเห็น มีเพียงร้อยละ 8.29 เท่านั้นที่ตอบว่าไม่มีผลกระทบ ด้านความเสียหายเฉลี่ยต่อรายโดยรวมอยู่ที่ 484,847 บาทต่อราย ขนาดเล็กมีมูลค่าเสียหาย 141,663 บาท ผู้ประกอบการขนาดกลาง มูลค่าความเสียหายอยู่ที่รายละ 1,046,829 บาท ทั้งนี้ ผู้ประกอบการร้อยละ 72.5 เห็นว่ามาตรการรัฐบาลที่ออกมาช่วยเหลือผู้ประกอบการไม่เพียงพอ ที่ตอบว่าเพียงพอมีสัดส่วนร้อยละ 27.5 เท่านั้น ด้านระยะเวลาเครดิตการค้าจากสถานการณ์ปัจจุบันนั้น พบว่า ประสบปัญหาลูกค้าขอขยายระยะเวลาชำระหนี้มากกว่าร้อยละ 70 โดยขอขยายเวลาชำระหนี้ออกไปเฉลี่ย 43 วัน ซึ่งการขอขยายระยะเวลาในการชำระหนี้ของลูกค้าส่งผลกระทบต่อธุรกิจถึงร้อยละ 97.4 ไม่ส่งผลกระทบเลยเพียงร้อยละ 2.6 เท่านั้น.-สำนักข่าวไทย