กรุงเทพฯ 5 ธ.ค.-เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ยันต้องดำเนินการกับ 3 ส.ส.ที่ไม่ปฏิบัติตามมติพรรค จะเปิดโอกาสให้ชี้แจง ส่วนจะมีมาตรการอย่างไรต้องรอให้ได้ข้อยุติก่อน ด้าน “วิชาญ”เชื่อ “พลภูมิ” ไม่สนใจผลประโยชน์เงินทองช่วยรัฐบาล หลังแสดงองค์ประชุมให้รัฐบาล
น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า จากการติดตามความเคลื่อนไหวการเตรียมการของฝ่ายรัฐบาลก่อนการพิจารณาญัตติตั้งกรรมาธิการศึกษาผลกระทบมาตรา 44 ทราบว่า รัฐบาลพยายามระดม ส.ส.ทั้งหมดเพื่อเปิดประชุม โดยเงื่อนไขต้องมีองค์ประชุมให้ครบ 249 เสียงเพื่อเปิดประชุมโหวตล้มมติตั้งกรรมาธิการ ม.44 ที่แพ้ไปก่อนหน้านี้ให้ได้ และต้องหาหนทางพลิกเสียงของพรรคประชาธิปัตย์ 6 เสียงที่โหวตสวนทางของรัฐบาล ซึ่งตนได้รับรายงานจาก ส.ส.หลายคนของพรรคที่ถูกทาบทามจากบุคคลสำคัญของรัฐบาลที่เสนอผลประโยชน์บางอย่าง เพื่อให้สนับสนุนรัฐบาลแก้ไขข้อขัดข้องที่รัฐบาลมีอยู่ และได้ยินข่าวปล่อยว่า หากสภาฯล่มอีก อาจมีการยุบสภา
เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เมื่อผลออกมาตามที่เห็นกัน ก็ไม่คิดว่า การเมืองไทยจะเดินมาถึงจุดที่มีความเสื่อมได้รวดเร็วขนาดนี้ ตนไม่เคยเชื่อว่า การเมืองวันนี้ผู้มีอำนาจเลือกใช้วิธีข่มขู่พรรคตัวหรือพรรคร่วม เพื่อควบคุมลูกน้องหรือทีมงานให้เกิดความเกรงกลัว จนต้องทำตามผู้มีอำนาจ ไม่ว่าจะเต็มใจหรือไม่ก็ตาม เพราะหากเป็นเช่นนี้จริง ๆ ก็เท่ากับสะท้อนให้เห็นว่า ผู้มีอำนาจของบ้านเมืองในตอนนี้ไม่ได้ยึดเอาผลประโยชน์ของประเทศชาติอย่างที่พยายามกล่าวอ้างมาโดยตลอด เพราะเห็นภาพการต่อรอง กดดัน ข่มขู่ เพื่อผลประโยชน์ของตนเองและพวกพ้อง โดยเฉพาะการเสนอกล้วย เพื่อจูงใจให้กับส.ส.พรรคฝ่ายค้าน ย่อมไม่ใช่การปฏิรูปการเมืองให้ดีขึ้นแต่เป็นการนำการเมืองไทยถอยหลังไปเหมือนปี 2518
ในส่วนของพรรคเพื่อไทย 3 เสียงที่แสดงตนเป็นองค์ประชุมให้รัฐบาลนั้น น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าวว่า เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องสำคัญที่พรรคจะปล่อยปละละเลยให้เกิดขึ้นอีกไม่ได้ ส่วนตัวเห็นว่าพรรคต้องกำหนดมาตรการในการดำเนินการกับบุคคลที่สวนมติพรรค พรรคเพื่อไทยมีระเบียบข้อบังคับและวิธีการในเรื่องดังกล่าวอยู่แล้ว ซึ่งจะเปิดโอกาสให้บุคคลดังกล่าวได้ชี้แจงกับพรรคเสียก่อน ส่วนจะมีมาตรการอย่างไร เมื่อได้ข้อยุติจะรายงานผ่านสื่อให้ประชาชนทราบ เพราะคนที่สนับสนุนพรรคเพื่อไทยอยู่ในขณะนี้ ต่างรู้สึกผิดหวังกับการกระทำของสมาชิกที่สวนมติพรรคในครั้งนี้เป็นอย่างมาก
ด้านนายวิชาญ มีนชัยนันท์ ประธานภาค กทม.พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีนายพลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย แสดงตนเป็นองค์ประชุมให้กับรัฐบาลในการพิจารณาญัตติตั้งกรรมาธิการศึกษาผลกระทบมาตรา 44 เมื่อวานนี้ว่า ตนรู้จักนายพลภูมิ และครอบครัวมานาน ตั้งแต่นายพลภูมิ เริ่มเข้าการเมืองมาเป็นผู้ช่วย ส.ส.ของตน และไปเป็น ส.ก.จนเป็น ส.ส. จึงยืนยันว่า นายพลภูมิเป็นคนมีฐานะ มีเหตุผล ไม่เคยสนใจเรื่องผลประโยชน์เงินทอง ดังนั้น การจะบอกว่าที่ช่วยรัฐบาลเพราะผลประโยชน์เรื่องเงิน ตัดทิ้งไปได้เลย สาเหตุคงมาจากเรื่องอื่น.-สำนักข่าวไทย