กทม. 27 พ.ย.-กลุ่ม ปตท. เป็นบริษัทใหญ่อันดับต้นๆ ในตลาดหลักทรัพย์ กำลังจะเปลี่ยนแปลงผู้บริหารสูงสุดคนใหม่ จะมีผลต่อการดำเนินงานอย่างไรหรือไม่ ติดตามจากรายงาน
บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) องค์กรที่ก้าวย่างมาสู่วัยกลางคนปีที่ 41 และกำลังจะมีผู้บริหารสูงสุดคนใหม่ หลังคนปัจจุบัน คือนายชาญศิลป์ ตรีนุชกร ซีอีโอ จะครบวาระวันที่ 12 พ.ค.ปีหน้า ขั้นตอนการสรรหาเป็นไปตามพระราชบัญญัติคุณสมบัติมาตรฐานสำหรับกรรมการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ พ.ศ.2518 เปิดประกาศรับสมัครเป็นการทั่วไป รอบนี้มีแต่คนในสมัครทั้งสิ้นจำนวน 6 คน ตามขั้นตอนนับจากนี้คณะกรรมการสรรหาภายใต้บอร์ด ปตท. จะเชิญผู้สมัครมาให้สัมภาษณ์ โดยทุกอย่างจะเรียบร้อยในไตรมาส 1 ปีหน้า
ปตท. และบริษัทในกลุ่ม รวมกันแล้วถือว่ามีมูลค่าตลาดรวมใหญ่สุดในตลาดหลักทรัพย์ การเปลี่ยนแปลงผู้บริหารจึงถูกจับตามอง และ ปตท. ยังสร้างรายได้แก่รัฐมหาศาล ตั้งแต่กระจายหุ้ จนถึงครึ่งแรกปีนี้ทำเม็ดเงินเข้ารัฐทั้งรูปเงินปันผล ภาษีเงินได้ กว่า 920,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม กลุ่ม ปตท. กำลังถูกท้าท้ายโดยดิสรัฟทีฟเทคโนโลยี รวมไปถึงผลกระทบสงครามการค้า ซึ่งการเข้ามาของผู้บริหารใหม่ก็คงไม่มีเวลาดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์แต่อย่างใด
ล่าสุดทีมปริซึมของ ปตท. มองว่าราคาน้ำมันดิบดูไบปีหน้าจะเคลื่อนไหวที่ 55-65 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ปัจจัยที่มีผลหลัก เช่น การเลือกตั้งของสหรัฐ การเจรจาการค้าจีน-สหรัฐ หากจบลงด้วยดีจะส่งให้เศรษฐกิจโลกดีขึ้น คาดจีดีพีโลกจะโตร้อยละ 3-3.4 การใช้น้ำมันดิบของโลกจะขยายตัว 1-1.3 ล้านบาร์เรล/วัน.-สำนักข่าวไทย