BIG STORY : เร่งสางคดีถือครองที่ดิน 3,800 ไร่ ชนวนเหตุยิงกันตายกลางศาลจันทบุรี

จันทบุรี 17 พ.ย.-กองปราบปราม เตรียมแถลงความชัดเจนคดีพิสูจน์เจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดิน 3,800 ไร่ ชนวนเหตุที่ทำให้ยิงกันตายกลางศาลจังหวัดจันทบุรี วันที่ 20 พ.ย.นี้ เผยเบื้องต้นมีการฮั้วฮุบที่ดินทำกันเป็นขบวนการ  ขณะที่ อดีตภรรยา “พล.ต.ต.ธารินทร์” ขอความเป็นธรรมศาลจังหวัดจันทบุรีหยุดพิจารณาคดีทั้ง 13 คดีไว้ก่อน เพื่อรอความชัดเจนจากกองปราบ



ความคืบหน้าเหตุยิงกันในห้องพิจารณาคดีศาลจังหวัดจันทบุรี เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 3  ราย จากปมขัดแย้งแย่งชิงกรรมสิทธิ์ถือครองที่ดิน 3,800 ไร่ ในอ.ท่าใหม่ และอ.เขาคิชฌกูฏ จ.จันทบุรี ที่คู่กรณีฟ้องร้องกันมานานกว่า 10 ปี รวมทั้งสิ้น 13 คดี ล่าสุด นางเขมจิรา บัญฑูรนิพิท อดีตภรรยา พล.ต.ต.ธารินทร์ จันทราทิพย์ อดีตรองจเรตำรวจ วัย 67 ปี ที่ก่อเหตุยิงทนายฝ่ายโจทย์ และถูกยิงเสียชีวิตด้วยในเหตุการณ์ครั้งนี้ด้วย เปิดเผยกับสำนักข่าวไทยว่าขอให้ศาลจังหวัดจันทบุรี หยุดดำเนินคดีทั้ง 13 คดีไว้ก่อน เพื่อรอฟังความชัดเจนในคดีที่ทางมูลนิธิอภิธรรมมหาธาตุวิทยาลัย เข้าร้องกองปราบปรามตั้งแต่ปี2561 ให้ตรวจสอบและพิสูจน์ว่า คู่สัญญาซื้อขายที่ดิน 3,800 ไร่ตัวจริง เป็นใคร 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ขณะนี้ทางกองปราบปรามได้สอบพยานที่เกี่ยวข้องไปแล้วกว่า 20 ปาก ที่สำคัญยังมีเอกสารทางราชการอีกกว่า 10 ฉบับ ที่ พล.ต.ต.ธารินทร์ จันทราทิพย์ มอบให้ทางมูลนิธิฯ นำไปชี้แจงกับทางกองปราบปราม ซึ่งเป็นหลักฐานใหม่ที่ไม่เคยใช้ต่อสู้ในคดีแพ่งที่ฝ่ายตนเองแพ้คดีมาก่อน ทั้งนี้หากหากผลตรวจสอบออกมาว่า คู่สัญญาซื้อขายที่ดินตัวจริง คือ มูลนิธิอภิธรรมมหาธาตุวิทยาลัย กับนายสมพล โกศลานันท์ ซึ่งเป็นคุณตาของตน ย่อมมีผลต่อการพิจารณาคดีทั้ง 13 คดี ที่ศาลจังหวัดจันทบุรีไปด้วย


สำนักข่าวไทย พยายามติดต่อไปยัง นายบุญช่วย เจริญสถาพร น้องชายของพระกิตติวุฒโฒ ภิกขุ คู่กรณีฝ่ายโจทย์ ที่โอนที่ดิน 3,800 ไร่ โดยเป็นที่ดินอยู่ใน อำเภอท่าใหม่ 16 แปลง 800 ไร่ ส่วนที่เหลืออยู่ในอำเภอเขาคิชฌกูฏ  3,000 ไร่ ของทางมูลนิธิอภิธรรมมหาธาตุวิทยาลัยไปเป็นชื่อของตัวเอง เพื่อฟังคำชี้แจงจากอีกฝ่าย แต่ปรากฎว่ายังไม่สามารถติดต่อได้

ส่วนความคืบหน้าที่กองปราบปราม หลัง นางสาวเขมจิรา บัณฑูรนิพิท เข้าร้องขอความเป็นธรรม เมื่อวันที่ 15 พ.ย.ที่ผ่านมา พร้อมมอบข้อมูลหลักฐานให้กองปราบปรามพิสูจน์ข้อเท็จจริงที่ดินผืนดังกล่าว รวมถึงที่อำเภอเทพา จังหวัดสงขลา 600 ไร่ และที่จังหวัดชลบุรีอีก 1,700 ไร่  อ้างว่าที่ดินทั้ง 3 แห่ง เป็นของมูลนิธิอภิธรรมมหาธาตุวิทยาลัย ไม่ใช่ของนายบุญช่วย เจริญสถาพร น้องชายของพระกิตติวุฒโฒ ภิกขุ ผู้บังคับการปราบปราม ได้มอบหมายให้พันตำรวจเอกเอนก เตาสุภาพ รองผู้บังคับการปราบปราม เข้าไปควบคุมดูแลเรื่องนี้ พร้อมตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนขึ้นมาทำคดีนี้เป็นการเฉพาะ

 ซึ่งการตรวจสอบย้อนหลังข้อมูลเอกสารและหลักฐาน และจากการรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องทั้งก่อนและหลังการเสียชีวิตของพล.ต.ต.ธารินทร์ จันทราทิพย์  มีรายงานระบุว่า ที่ดินจำนวน  3,800 ไร่ ในจังหวัดจันทบุรี ซึ่งเป็นชนวนเหตุของการก่อเหตุยิงกันตายในห้องพิจารณาคดี ศาลจังหวัดชลบุรี เป็นของมูลนิธิอภิธรรมมหาธาตุวิทยาลัย ไม่ใช่ของนายบุญช่วย เจริญสถาพร แต่อย่างใด ขั้นตอนหลังจากนี้ กองปราบปราม จะเร่งรวบรวมหลักฐานทั้งหมดเพื่อดำเนินคดีกับนายบุญช่วยฯ และผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด  

มีรายงานด้วยว่าการฮุบที่ดิน 3,800 ไร่ที่จังหวัดจันทบุรี, ที่ดิน 600 ไร่ ที่อำเภอเทพา จังหวัดสงขลา รวมถึงที่ดินที่ 1,700 ไร่ ที่จังหวัดชลบุรี  มีการทำกันเป็นขบวนการใหญ่ และมีการทำเอกสารฮุบที่ดินทั้ง 3 จังหวัด ในวันเดียวกัน กรณีนายบุญช่วย อ้างคำพิพากษาของศาลฎีกา ซึ่งพิพากษาว่าที่ดินจำนวน 3,800 ไร่ เป็นของนายบุญช่วยนั้น ทางกองปราบปรามไม่รู้สึกเป็นกังวล เนื่องจากที่ดินผืนนี้มีที่มาที่ไปอย่างไม่ถูกต้อง มีการทำพยานหลักฐานเท็จขึ้นมา จนนำไปสู่คำพิพากษาของศาล  

และในวันที่ 20 พฤศจิกายนนี้ เวลา 14.00 น. ทางมูลนิธิอภิธรรมมหาธาตุวิทยาลัย จะเดินทางมาที่กองปราบปราม และจะมีการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ถึงแนวทางการดำเนินการต่อไปกับที่ดิน 3,800 ไร่ที่ จังหวัดจันทบุรี,ที่ดินจำนวน 600 ไร่ ที่อำเภอเทพา จังหวัดสงขลา และที่ดินจำนวน 1,700 ไร่ ที่จังหวัดชลบุรี ต่อไป

ความคืบหน้าที่ จ.จันทบุรี ผู้สื่อข่าว สอบถามไปยัง พันตำรวจเอกชัชวาลย์ พิสุทธิวงศ์ รอง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจันทบุรี  ระบุว่า ขณะนี้คณะกรรมการสอบสวน ได้เรียกตัวร้อยตำรวจเอก ขจร บรรจง รองสารวัตรปราบปรามปฏิบัติงานตำรวจศาลในวันเกิดเหตุ เข้ามาสอบสวนเสร็จสิ้นแล้ว 

แต่ยังไม่ขอเปิดเผยผลการสอบสวน เนื่องจากจะต้องนำมาใช้ประมวลกับแนวทางการสอบสวนของ ร้อยตำรวจเอกหญิงปัญญาพร ศรีชาย รองสารวัตรสอบสวน สภ.เมืองจันทบุรี ผู้รับผิดชอบคดี ในการสรุปสำนวนคดี จึงจะทราบผลว่าจะแจ้งข้อกล่าวหากับทาง ร้อยตำรวจเอก ขจร หรือไม่ และจะต้องนำผลการสอบสวน มาประมวลกับผลการสอบสวนของกรณี นายธนากร ธีรวโรดม เสมียนทนาย ที่ยิงพล.ต.ต.ธารินทร์ จันทราทิพย์ เสียชีวิต และพยานแวดล้อมที่อยู่ในเหตุการณ์ ซึ่งจะมีความชัดเจนมากขึ้น.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เชียงใหม่อากาศแปรปรวน เจอลมหนาว-ฝนตก 3 วันติด

ชาวเชียงใหม่เจอลมหนาวและฝนตกต่อเนื่อง 3 วันติด อุตุฯ ย้ำอากาศแปรปรวน เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน เชียงราย ยังมีฝนตกและลมหนาว แนะรักษาสุขภาพ

“อัจฉริยะ” ยื่นสอบปม “ทนายตั้ม” ปูดข่าวผู้บริหารปลอมเอกสารขยายอายุเกษียณ

“อัจฉริยะ” ยื่นหนังสือตรวจสอบข้าราชการช่วยผู้บริหารรัฐวิสาหกิจปลอมเอกสารขยายอายุเกษียณ คาดอาจมีทนายดังเข้าไปเอี่ยว เสนอตำรวจให้สอบพยานรายสำคัญที่เป็นประโยชน์กับ “มาดามอ้อย”

“ทนายตั้ม” เครียดหนัก หลัง 3 บิ๊ก บช.ก. สอบปากคำ

“ทนายตั้ม” เครียดหนัก หลัง 3 บิ๊กสอบสวนกลาง สอบปากคำ นานกว่า 5 ชั่วโมง ขณะที่พนักงานสอบสวนเตรียมเข้าค้น “ษิทรา ลอว์ เฟิร์ม” เช้าพรุ่งนี้ หาหลักฐานเพิ่ม ก่อนฝากขังช่วงบ่าย ค้านประกันตัว

“บิ๊กอ้อ” เผย “ทนายตั้ม-ภรรยา” มีพฤติการณ์หนี-ยุ่งเหยิงพยานฯ

“บิ๊กอ้อ” ชี้ตำรวจต้องออกหมายจับ “ทนายตั้ม” เหตุพบพฤติการณ์เตรียมหลบหนีออกนอกประเทศ และยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน นอกจากนี้ยังมีคดีต่อเนื่อง 3 คดี เตรียมแจ้งข้อหาเพิ่ม

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เผย “เหนือ-อีสาน” อากาศเย็นตอนเช้า-ภาคใต้ฝนหนัก

กรมอุตุฯ เผย “เหนือ-อีสาน” อากาศเย็นในตอนเช้า เตือนภาคใต้ฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง พร้อมอัปเดตเส้นทางพายุ “หยินซิ่ง”

MOU44

MOU 44 ผลประโยชน์ชาติ กับ การเมือง ตอนที่ 1

ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา เรื่องเอ็มโอยู 44 และเส้นแบ่งอาณาเขตทางทะเล หรือเส้นเคลม กลายเป็นปมร้อน ท่ามกลางความกังวลถึงผลประโยชน์ของชาติทางทะเล และสิทธิเหนือเกาะกูด ติดตามความเห็นและมุมมองจากผู้เกี่ยวข้องในรายงาน “ปมร้อน เอ็มโอยู 44 ผลประโยชน์ชาติ กับ การเมือง”

ทนายตั้ม

“ทนายตั้ม” สร้างตัวตนผ่านสื่อ หวังหาผลประโยชน์หรือไม่

หลังจากพนักงานสอบสวนควบคุมตัว “ทนายตั้ม” และภรรยา เข้าเรือนจำไปแล้ว มีคำถามตามมาว่า ทนายคนดังสร้างตัวตนจนโดดเด่นในสังคม เพื่อหาผลประโยชน์จากความน่าเชื่อถือที่สร้างไว้หรือไม่

ระเบิดปากีสถาน

ยอดเสียชีวิตจากเหตุระเบิดสถานีรถไฟปากีสถานเพิ่มเป็น 24 รายแล้ว

เหตุระเบิดสถานีรถไฟในเมืองเควตตา ทางตะวันตกเฉียงใต้ของปากีสถาน ตายเพิ่มเป็นอย่างน้อย 24 ราย บาดเจ็ดมากกว่า 40 ราย