สนง.ผู้ตรวจการแผ่นดิน 14 ส.ค.- ชาวเชียงคำสุดทนโรงงานอบผลไม้พ่นพิษ ร้องผู้ตรวจการแผ่นดิน หน่วยงานในพื้นที่พึ่งไม่ได้ ปัญหาสะสมและบานปลายมากว่า 15 ปี ทำให้ชาวบ้านเดือดร้อน ใช้น้ำ จับปลา เก็บผัด ในลำห้วยไม่ได้
นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน พร้อมผู้แทนชาวบ้านจาก จ.พะเยา นำชาวบ้านจาก อ.เชียงคำ จ.พะเยา ยื่นเรื่องร้องเรียนต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน เพื่อขอให้ตรวจสอบกรณีโรงงาน เจ.เค.ชนาธาร จำกัด ซึ่งประกอบธุรกิจโรงงานอบผลไม้แห้งและแปรรูปผลไม้ก่อมลพิษ โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องละเลย ไม่ปฎิบัติตามกฎหมาย จึงขอให้ผู้ตรวจการแผ่นดินตรวจสอบ และมีข้อเสนอไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ปฎิบัติตามกฎหมาย และหากหน่วยงานดังกล่าวไม่ปฎิบัติ ก็ให้ส่งเรื่องไปยังคณะรัฐมนตรี เพื่อให้นายกรัฐมนตรีพิจารราลงโทษหน่วยงานเหล่านั้น
นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ชาวบ้านได้มีการร้องเรียนไปยังทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ โดย อบต.เชียงบาน อ.เชียงคำ เคยมีคำสั่งให้โรงงานหยุดประกอบการ แต่ก็หยุดแค่ 7 วัน แล้วเปิดตัวใหม่ ก็เกิดปัญหาซ้ำเดิม ล่าสุดไปร้องที่อุตสาหกรรมจังหวัด ทั้งที่มีอำนาจสามารถสั่งปิดได้ตาม พ.ร.บ.โรงงาน แต่ก็กลับมีคำสั่งเพียงให้โรงงานแก้ไขปรับปรุง จึงสงสัยว่าโรงงานเส้นใหญ่ เพราะแทนที่จะถูกจำกัดก็กลับมีการขยายโรงงาน
น.ส.วราพร อินต๊ะแสน กล่าวว่า ชาวบ้านไม่ได้ต้องการมาร้องที่นี่ แต่สุดจะทด ตั้งแต่เริ่มก่อตั้งโรงงานในปี 2548 ชาวบ้านก็ประสบปัญหาถนนเป็นหลุมเป็นบ่อ มีควันพิษ เพราะโรงงานยังใช้ถ่านหินในการอบผลไม้ เมื่อร้องเรียนก็เปลี่ยนมาเป็นฟืน ต่อมาในปี 2553 มีการขอขยายโรงงาน ทำประชาคมหมู่บ้าน ชาวบ้านก็ไม่ยอมรับ แต่อุตสาหกรรมจังหวัดกลับอนุมัติให้ขยายโรงงานได้ และทำให้โรงงานขยายเข้ามาใกล้หมู่บ้านไม่ถึง 200 เมตร หลังจากนั้นชาวบ้านก็ประสบปัญหาน้ำในลำน้ำแวน จากที่สามารถนำมาอุปโภคได้ ก็กลายเป็นสีดำ เพราะปล่อยน้ำเสีย ไม่สามารถจับปลาได้ เพราะในน้ำไม่มีปลา ผักที่อยู่ริมน้ำก็เก็บมากินไม่ได้
น.ส.วราพร กล่าวว่า ในช่วงปี 2558-2562 มีปัญหาหนักมาก โดยเฉพาะเรื่อกลิ่นเหม็นที่มีจากบ่อบำบัดน้ำเสีย ซึ่งเป็นบ่อแบบปิด ทำให้เกิดก๊าช ชาวบ้านจึงห่วงว่าอาจจะเกิดการระเบิดหรือไม่ ร้องเรียนไปที่อุตสาหกรรมจังหวัด ก็เพียงสั่งให้โรงงานหยุดอบมะม่วง แต่โรงงานยังสามารถอบลำไยได้อยู่ โดยเฉพาะทุกวันนี้ช่วงเย็นไม่สามารถเปิดหน้าต่างรับลมแล้ว เพราะจะมีกลิ่นเหม็นกระจายคุ้มไปทั่วทั้ง 2 หมู่บ้านที่อยู่ข้างโรงงาน
น.ส.วราพร เปิดเผยว่า ล่าสุดกรมควบคุมมลพิษได้ลงไปเก็บตัวอย่างน้ำมาตรวจ และทราบเบื้องต้นว่า ผลการตรวจพบว่าน้ำในลำห้วยมีสารปนเปื้อน แต่ก็ไม่รู้ว่าจะจริงหรือไม่ เพราะต้องรอเอกสารอย่างเป็นทางการ ประกอบกับหน่วยงานต่างที่ลงไปตรวจสอบก่อนหน้านี้ ระบุว่าไม่พบอะไรที่เป็นปัญหา
“ผู้ร้องได้แสงความกังวลในกรณีที่ผู้ตรวจการแผ่นดินจะลงไปตรวจสอบในพื้นที่ ซึ่งจะต้องมีการประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ เพื่อร่วมตรวจสอบด้วย เกรงว่าจะมีการจัดฉาก และให้โรงงานเตรียมตัว เพราะที่ผ่านมา เมื่อหน่วยงานใดจะไปตรวจสอบ ทางโรงงานจะขอเวลา 5-7 วันในการเตรียมตัว ซึ่งเมื่อไปตรวจสอบก็จะไม่พบปัญหาใด อีกทั้ง หากมีการให้ไกล่เกลี่ย 2 ฝ่าย ปัญหาก็จะหยุดไปสักพัก แล้วก็จะเกิดปัญหาขึ้นอีก ปัญหาไม่ได้รับการแก้ไขอย่างเด็ดขาด” น.ส.วราพร กล่าว . – สำนักข่าวไทย