กรุงเทพฯ 14 ส.ค. – เมื่อเวลา 09.00 น. วันนี้ (14 ส.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีการประชุมผ่านวิดิโอคอนเฟอเรนซ์ กับศูนย์ปฏิบัติการทั่วประเทศ พบว่า สถานการณ์ในรอบ 24 ชั่วโมง ไม่พบสิ่งผิดปกติเพิ่มเติม
พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รอง ผบ.ตร. กล่าวถึงความคืบหน้าเหตุระเบิดใน 7 จังหวัดภาคใต้ ยืนยันการควบคุมตัวผู้ต้องหา 1 คน คือ นายศักรินทร์ คฤหัส พนักงานเอกชน ชาวจังหวัดเชียงใหม่ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลนครศรีธรรมราช ขณะนี้อยู่ในการควบคุมของตำรวจภูธรภาค 8 นอกจากนี้ตำรวจ- ทหาร ยังเชิญผู้ต้องสงสัยหลายคนมาสอบปากคำ แต่ยังไม่มีการออกหมายจับเพิ่ม ส่วนชิ้นส่วนโทรศัพท์ที่เก็บได้จากจุดเกิดเหตุ และตรวจสอบพบที่มาจากประเทศเพื่อนบ้าน (มาเลเซีย ) รอง ผบ.ตร.ระบุว่าสามารถตรวจพิสูจน์ได้ภายในประเทศ แต่หากมีความจำเป็น จะประสานประเทศเพื่อนบ้านให้ช่วยตรวจพิสูจน์
กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กำชับบริษัทผู้รับสัมปทานหากมีบุคลากรทำผิดกฎหมายต้องให้ความร่วมมือทุกหน่วยงานดำเนินคดีอย่างเต็มที่
ตามที่ศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้อนุมัติหมายจับผู้ต้องสงสัย ข้อหาวางเพลิงเผาห้างโลตัส จังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งภายหลังก่อเหตุได้เดินทางไปปฏิบัติงานที่แท่นขุดเจาะปิโตรเลียม นั้น
นายวีระศักดิ์ พึ่งรัศมี อธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ เปิดเผยว่า กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ ได้รับรายงานแล้ว และขอชี้แจงรายละเอียดเกี่ยวกับเหตุการณ์ว่าจากการตรวจสอบพนักงานคนดังกล่าว เป็นพนักงานของบริษัท Weatherford KSP จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทรับจ้างเหมาบริการของบริษัท เชฟรอน ประเทศไทยสำรวจ และผลิต จำกัด ได้ก่อเหตุในช่วงเดินทางกลับขึ้นฝั่งเพราะหยุดพักการปฏิบัติงาน บนแท่นขุดเจาะปิโตรเลียมในอ่าวไทย และภายหลังจากก่อเหตุเป็นช่วงสิ้นสุดการหยุดพักจึงได้เดินทางกลับไปปฏิบัติงานตามกำหนด โดยที่บริษัท เชฟรอนฯ แจ้งว่ามิได้ทราบและไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับพฤติกรรมของพนักงานคนดังกล่าว แต่ภายหลังจากได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ตำรวจว่ามีบุคคลต้องสงสัยว่ากระทำการผิดกฎหมายเดินทางมาปฏิบัติที่แท่นขุดเจาะปิโตรเลียม บริษัท เชฟรอนฯ ได้ให้ความร่วมมือกับตำรวจเป็นอย่างดีและดำเนินการตามระเบียบปฏิบัติของบริษัททุกประการ โดยได้อำนวยความสะดวกเรื่องการเดินทางโดยเฮลิคอปเตอร์เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 นาย ออกเดินทางจากศูนย์สนับสนุนการบินของบริษัทเพื่อจับกุมบุคคลดังกล่าว ซึ่งขณะนั้นปฏิบัติงานอยู่ที่แท่นขุดเจาะ T2 และนำตัวกลับฝั่งเพื่อสอบสวนต่อไป
ทั้งนี้ กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ ในฐานะหน่วยงานกำกับดูแลบริษัทผู้รับสัมปทานในการประกอบกิจการด้านปิโตรเลียม ได้สั่งการบริษัทให้ความร่วมมือในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายอย่างเต็มที่ และขอให้กำชับให้พนักงานทุกคนปฏิบัติตนให้เป็นไปตามกฎหมายทั้งในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมรวมถึงกฎหมายอื่นอย่างเคร่งครัด. -สำนักข่าวไทย