กกร.แนะรัฐบาลใหม่ออกมาตราการภาษีกระตุ้นเศรษฐกิจ

กรุงเทพฯ 5 พ.ค. – กกร.ต้องการให้รัฐบาลใหม่ออกมาตรการทางภาษี กระตุ้นการใช้จ่ายในประเทศภายใต้เงื่อนไขหักลดหย่อนภาษี พร้อมขอเก็บข้อมูลเศรษฐกิจก่อนปรับประมาณการเศรษฐกิจใหม่ในการประชุมครั้งหน้า และเตรียมมอบสมุดปกขาวให้รัฐบาลใหม่ปลายเดือนนี้ เพื่อเสนอสิ่งที่เอกชนต้องการจะเห็น


นายปรีดี ดาวฉาย ประธานสมาคมธนาคารไทย แถลงภายหลังการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน หรือ กกร. ว่า เมื่อรัฐบาลใหม่ตั้งเสร็จและเข้ามาบริหารประเทศ ทาง กกร.ต้องการให้รัฐบาลออกมาตรการทางภาษีจูงใจให้ประชาชนใช้จ่ายเพิ่มขึ้นและให้ผลโดยรวมต่อเศรษฐกิจประเทศ รวมถึงต้องการความต่อเนื่องของหลายโครงการที่รัฐบาลปัจจุบันดำเนินการทั้งโครงสร้างพื้นฐาน โครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) การช่วยเหลือสนับสนุนและพัฒนาเอสเอ็มอี เป็นต้น ขอให้โครงการที่ดีเดินหน้าต่อไป 

“อยากให้ทุกภาคส่วนเดินหน้าทำเรื่องที่เป็นประโยชน์ต่อเนื่อง เพราะหากเสียเวลาไปการลงทุนที่ทำกันมาระดับหนึ่งแล้วจะสูญเปล่า เปรียบได้กับการปลูกต้นไม้ หากล้มต้นไม้ไปดอกผลก็จะไม่ได้รับในที่สุด” นายปรีดี กล่าว


สำหรับภาพรวมเศรษฐกิจไทย ทาง กกร.จะเก็บข้อมูลต่อไปจนถึงสิ้นเดือนนี้ จากนั้นจะทำการประเมินเป้าหมายทางเศรษฐกิจใหม่ในการประชุม กกร.เดือนกรกฎาคมตามรอบประเมินทุก ๆ ไตรมาส ซึ่งขณะนี้ เห็นสัญญาณการส่งออกหดตัว อย่างไรก็ตาม ด้านการท่องเที่ยวยังคงมีนักท่องเที่ยวเข้ามาในประเทศอย่างต่อเนื่องก็จะเป็นส่วนที่ช่วยพยุงเศรษฐกิจได้ อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าภาคส่งออกทยอยส่งออกได้ลดลง ในส่วนของภาคเอกชนมีหน้าที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไปข้างหน้า  

นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า การส่งออกของไทยในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา (ม.ค.-เม.ย.) มีมูลค่ารวม 80,543.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ติดลบร้อยละ 1.9 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่ผ่านมาจากหลายปัจจัย การเพิ่มตัวเลขประมาณการส่งออกปีนี้คงลำบาก มีโอกาสส่งออกลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่ผ่านมามากกว่า 

ด้านการเมืองเป็นที่ทราบกันดีว่ามีการจับขั้วกันตั้งรัฐบาลเรียบร้อยแล้ว เมื่อได้รัฐบาลใหม่ก็อยากให้เดินหน้าโครงการหลักต่อเนื่อง อยากเห็นบทบาทรัฐบาลทำงานร่วมกับภาคเอกชนผ่านเวทีการประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ (กรอ.)  โดยจัดประชุมระดับนายกรัฐมนตรีเป็นประธานทุก ๆ  6 เดือน และการประชุมที่มีระดับรองนายกรัฐมนตรี ปลัดกระทรวง ทุก ๆ 3 เดือน โดย กกร.จะมีการส่งมอบสมุดปกขาวให้รัฐบาลใหม่ปลายเดือนนี้ เพื่อเสนอสิ่งที่เอกชนต้องการจะเห็นรัฐบาลดำเนินการ


ขณะนี้ประเทศไทยเผชิญปัญหาภายนอก โดยปัญหาที่คิดว่าสงครามการค้าจะจบลง แต่กลับมีแนวโน้มรุนแรงขึ้นก็ต้องปรับตัวภาคเอกชนร่วมมือกันอย่างดีแล้ว ในช่วงระยะกลางถึงระยะยาวมีหลายเรื่องต้องเดินหน้าทำต่อเนื่องโดยเน้นความต่อเนื่องเป็นสำคัญ ทั้งด้านการศึกษา การเตรียมคนรับงานใหม่ที่จะเกิดขึ้นในอีอีซี เป็นต้น 

นายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า สงครามการค้าที่เกิดขึ้นไทยเป็นจุดศูนย์กลางจะได้ประโยชน์ โดยสินค้ากลุ่มที่สหรัฐซื้อจากจีนไม่ได้ จีนซื้อจากสหรัฐไม่ได้ ก็สามารถซื้อจากไทย จึงยังมีโอกาสที่จะส่งออกสินค้าในส่วนนี้ เช่น สินค้ากลุ่มอาหารในงานแสดงสินค้าอาหาร หรือ THAIFEX – World of Food Asia สัปดาห์ที่ผ่านมาได้รับการตอบรับอย่างดี เป็นต้น สำหรับอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทขณะนี้อยู่ในระดับ 32 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ผู้ส่งออกพอรับได้ไม่เป็นประเด็นแต่อย่างใด  และการที่ประเทศไทยเป็นประธานอาเซียนเจ้าภาพจัดการประชุมหลายครั้งก็จะส่งผลดีต่อไทยด้วย โดยเดือนมิถุนายนนี้จะมีการจัดการประชุมหลายครั้งทั้งระดับรัฐมนตรี การประชุมของนักธุรกิจ ไม่ต่ำกว่า 10 คณะ 

ทางด้านการประชุม กกร.วันนี้ (5 มิ.ย.) ที่ประชุม มองว่า เศรษฐกิจไทยไตรมาสแรกปี 2562 เติบโตร้อยละ 2.8 นับเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 17 ไตรมาส ได้รับแรงฉุดจากการส่งออกที่หดตัว ขณะที่ภาพรวมการใช้จ่ายในประเทศทั้งการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนยังเป็นตัวหนุนให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวเป็นบวกได้

สำหรับเครื่องชี้เศรษฐกิจเดือนเมษายน 2562 ซึ่งเป็นเดือนแรกของไตรมาส 2/2562 การส่งออกยังคงหดตัวต่อเนื่อง และทำให้ภาพ 4 เดือนแรกของปีนี้ การส่งออกหดตัวเป็นวงกว้างทั้งในรายการสินค้าส่งออกหลักและตลาดส่งออกสำคัญของไทย สอดคล้องกับการส่งออกของประเทศส่วนใหญ่ในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งสะท้อนผลจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกและประเด็นสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ขณะที่ จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติขยายตัวเกือบทุกภูมิภาค ยกเว้นตลาดนักท่องเที่ยวหลักอย่างจีนและรัสเซียในช่วงที่เหลือของปี 2562 สถานการณ์ต่าง ๆ บ่งชี้ว่า มีความเป็นไปได้มากขึ้นที่สหรัฐอาจจะขึ้นภาษีสินค้าจีนล็อตที่เหลือ เมื่อประกอบกับภาพความซบเซาของการค้าโลก ทำให้การส่งออกของไทยมีความเสี่ยงที่จะได้รับผลกระทบมากขึ้นจนกระทั่งอาจจะไม่สามารถขยายตัวเป็นบวกได้ในปีนี้ นอกจากนี้ ปัจจัยการเมืองภายในประเทศที่ยังต้องจับตาการจัดตั้งรัฐบาล และการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 ที่ล่าช้าออกไป ซึ่งจะส่งผลต่อการเบิกจ่ายงบลงทุน ก็เพิ่มความเสี่ยงที่เศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีหลังอาจจะขยายตัวชะลอลงกว่าที่เคยประเมินไว้เช่นกัน

ที่ประชุม กกร.จึงมีความเป็นห่วงและหวังว่าสถานการณ์ต่าง ๆ จะทยอยมีความชัดเจนมากขึ้น หากเป็นเช่นนั้นภาวะการใช้จ่ายในประเทศและการกระตุ้นจากภาครัฐ ก็จะสามารถเป็นแรงส่งเศรษฐกิจในยามที่ภาคต่างประเทศประสบกับสถานการณ์ที่ยากลำบากได้ ทั้งนี้ กกร.จะมีการทบทวนและประเมินภาพเศรษฐกิจอีกครั้งก่อนที่จะประกาศตัวเลขประมาณการใหม่ครั้งถัดไป  ทั้งนี้ กกร.ได้จัดเตรียมข้อเสนอของภาคเอกชนต่อรัฐบาลชุดใหม่ เพื่อให้ทราบถึงประเด็นปัญหาและข้อเสนอต่าง ๆ ในการพัฒนาเศรษฐกิจของไทยก่อนที่รัฐบาลชุดใหม่จะเริ่มปฎิบัติหน้าที่ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องการสร้างความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน การสร้างความเข้มแข็งของภาคเอกชน การพัฒนาทรัพยากรบุคคล เป็นต้น.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ฆ่าควักหัวใจ

รวบชายชาวจีนฆ่าโหดคู่ขา กรีดหน้าอก ควักหัวใจ-ปอด

ตำรวจรวบชายชาวจีน ก่อเหตุสะเทือนขวัญฆ่าขู่ขาหมกห้องน้ำอพาร์ตเมนต์ กลางเมืองพัทยา พบร่องรอยถูกกรีดหน้าอก ควักหัวใจ ปอดหายไปข้างหนึ่ง

อุทาหรณ์! จอดรถยนต์ติดเครื่องไว้ เจอขโมยขับหนีหาย

อากาศร้อนเป็นเหตุ หนุ่มสตาร์ทเครื่องเปิดแอร์รถยนต์จอดไว้ ก่อนลงไปซื้อของ เดินออกมาอีกที เจอคนขโมยรถ ขับหนีหายไปแล้ว

ดับแล้ว 8 ราย รถชนบนมอเตอร์เวย์ อัดก๊อปปี้พังยับ

เกิดอุบัติเหตุใหญ่ช่วงกลางดึก บนมอเตอร์เวย์ สาย 7 มุ่งหน้าชลบุรี รถเทรลเลอร์ 2 คัน กับเอสยูวีอีก 1 คัน คนในรถเอสยูวี เสียชีวิต 8 ราย

ข่าวแนะนำ

ราคาไข่ไก่พุ่งไม่หยุด เจ้าของร้านขนมไทยโอด ต้นทุนสูง กำไรลด

พุ่งไม่หยุด! ไข่ไก่ปรับขึ้นอีก ถือเป็นการปรับราคาครั้งที่ 2 ในรอบ 1 เดือน กระทบการค้าที่ใช้ไข่ไก่เป็นวัตถุดิบ เจ้าของร้านขายขนมไทย โอดต้นทุนสูง กำไรลด กำลังซื้อหดหาย แทบอยู่ไม่ได้

นายกฯ สวมเสื้อศรีโคตรบูร สักการะพญาศรีสัตตนาคราช

นายกฯ สวมเสื้อศรีโคตรบูร เผยอาการป่วยดีขึ้นแล้ว ก่อนสักการะพญาศรีสัตตนาคราช พร้อมจุดเรือไฟบก ผลักดันสู่ประเพณีไหลเรือไฟโลก ด้านประชาชนตะโกน ขอบคุณที่มานครพนม

ครบ 1 เดือน ตึก สตง.ถล่ม ทุกร่างต้องได้กลับบ้าน

บรรดาญาติๆ ของแรงงานอาคาร สตง.พังถล่มขณะก่อสร้าง ยังคงเฝ้ารอร่างลูกหลานกลับบ้าน แม้วันนี้คงไม่มีปาฏิหาริย์แล้ว ตลอด 30 วันที่ผ่านมา ทุกภาคส่วนพยายามทุ่มเท หวังลบเลือนฝันร้ายที่เกิดขึ้นจากเหตุการณ์

นายกฯ ไข้กลับอ่อนเพลีย หลังลงพื้นที่ท่ามกลางอากาศร้อนอบอ้าว

นายกฯ ไข้กลับ มีอาการอ่อนเพลีย หลังลงพื้นที่ท่ามกลางอากาศร้อนอบอ้าวทั้งวัน ก่อนนั่งหัวโต๊ะประชุมแก้ปัญหายาเสพติดข้ามแดน บอก ราคายาเสพติดแพงขึ้น สะท้อนผลการปราบปราม เน้นย้ำ ให้ความรู้ – โทษ แก่เด็ก และเยาวชน พร้อมให้โอกาสผู้เสพกลับคืนสังคม