โซล 4 มิ.ย.- ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า หลังเกิดเหตุเครื่องบินสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์เที่ยวบิน MH17 ถูกจรวดยิงตกเหนือยูเครนเมื่อเกือบ 5 ปีก่อน สายการบินทั่วโลกยังคงตกลงกันไม่ได้เรื่องระบบเตือนภัยพื้นที่เสี่ยงภัยในการบิน
นายกิลเบร์โต โลเปซ-เมเยอร์ รองประธานอาวุโสฝ่ายความปลอดภัยและอำนวยการบินของสมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ หรือไออาตา (IATA) กล่าวต่อที่ประชุมที่กรุงโซลของเกาหลีใต้ในวันนี้ว่า สายการบินโลกจำเป็นต้องมีข้อมูลที่ดีขึ้น ปัจจุบันแต่ละสายการบินยังคงเห็นต่างกันเรื่องเส้นทางบินเหนือประเทศที่มีความขัดแย้งเช่นเดียวกับเมื่อครั้งก่อนเกิดเหตุ MH17 เช่น กาตาร์แอร์เวย์ที่กลับมาบินเหนือน่านฟ้าซีเรียอีกครั้งเพราะถูกหลายประเทศปิดล้อมด้วยการห้ามบินผ่านน่านฟ้า ขณะที่สหรัฐและหลายประเทศห้ามบินผ่านน่านฟ้าซีเรียอย่างเด็ดขาดเพราะมีสงครามกลางเมืองมาตั้งแต่ปี 2554 อย่างไรก็ดี ที่ปรึกษาบริษัทยุทธศาสตร์การบินสากลมองว่า อย่างน้อยเหตุ MH17 ก็ทำให้ผู้คนเริ่มตระหนักถึงปัญหามากขึ้น เริ่มรู้จักหาข้อมูล จากเดิมที่เป็นฝ่ายรอรับข้อมูลอย่างเดียว
นายอิซฮัม อิสมาอิล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หรือซีอีโอ มาเลเซียแอร์ไลน์เผยนอกรอบการประชุมว่า บาดแผลจากเหตุเที่ยวบิน MH17 ถูกยิงตกเหนือพื้นที่ขัดแย้งในยูเครนเมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2557 เสียชีวิตหมดทั้งลำ 298 คน ยังคงไม่จางหายไปจากคนทั้งบริษัท มาเลเซียแอร์ไลน์ถือว่าความปลอดภัยเป็นเรื่องสำคัญมาก รอยเตอร์รายงานว่า หลังเกิดเหตุการณ์นี้ อุตสาหกรรมการบินโลกสนับสนุนเว็บไซต์ที่องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ หรือไอซีเอโอ (ICAO) เปิดขึ้นเป็นคลังข้อมูลเรื่องพื้นที่ขัดแย้งเพื่อให้สามารถวางแผนเส้นทางบินจบในที่เดียว แต่หลังจากนั้นไม่นานเว็บไซต์ก็ปิดตัวเพราะบางประเทศร้องเรียนว่าประเทศอื่นไม่แบ่งปันข้อมูลเรื่องน่านฟ้าอันตรายของตนเอง ไอซีเอโอขอให้เจ้าหน้าที่การจราจรทางอากาศทุกประเทศแจ้งเตือนอันตรายในพื้นที่ขัดแย้งให้แก่นักบิน แต่กว่าจะมีผลบังคับใช้ต้องรอจนถึงเดือนพฤศจิกายนปีหน้า.-สำนักข่าวไทย