ชุมพร 10 พ.ค.- สลดใจ! คุณแม่วัย 23 ปี ติดยาบ้างอมแงม มีลูกวัยขวบเศษ ลูกยังกินนมแม่ เด็กมีพฤติกรรมแปลกๆ อยู่ไม่นิ่ง ไม่ค่อยยอมนอน สุดท้ายปู่ทนไม่ไหว แจ้งผู้ใหญ่บ้าน ปลัด อบต.ช่วยเหลือพาไปบำบัด
เหตุการณ์ดังกล่าวเปิดเผย จากนายสมบูรณ์ มีสุวรรณ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 1 บ้านห้วยทรายขาว ตำบลสองพี่น้อง อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร ได้รับแจ้งจากนายยินดี (นามสมมุติ) อายุ 70 ปี ชาวบ้าน อ.ท่าแซะ ว่าหลานสะใภ้ของตนเองเสพติดยาบ้าอย่างหนักมาเป็นเวลานาน ขอให้มาดำเนินการนำตัวไปเข้ารับการบำบัดด้วย เพราะหากปล่อยไว้เกรงว่าจะส่งผลกระทบต่อลูกชายวัยขวบเศษ ที่ยังกินนมแม่อยู่ และจากการสังเกตเด็กก็มีพฤติกรรมแปลกอยู่ไม่นิ่งและไม่ค่อยหลับ คาดน่าจะเป็นผลพวงมาจากน้ำนมที่ดื่มจากแม่ที่มีสารเสพติด
หลังรับแจ้งจึงได้เดินทางไปตรวจสอบพร้อมด้วย ปลัด อบต.สองพี่น้อง อ.ท่าแซะ พบนายยินดี ซึ่งเป็นผู้แจ้งพร้อมญาติๆ นั่งอยู่หน้าบ้าน โดยมีนางสาวธิดา (นามสมมุติ) อายุ 23 ปี หลานสะใภ้นั่งอุ้มลูกชายวับขวบเศษอยู่บนโต๊ะ ในสภาพใบหน้าซีดเซียวอิดโรยอย่างเห็นได้ชัด ส่วนลูกชายก็อยู่ไม่นิ่ง เดินวนไปมา นายยินดี ซึ่งเป็นปู่ของสามีนางสาวธิดา ทั้งหลานชายและหลานสะใภ้ติดยาเสพติดงอมแงมมานาน เคยตักเตือนหลายครั้งหลายหนแต่ทั้งคู่ก็ไม่ฟังและยังแสดงความไม่พอใจตนอีก
โดยล่าสุดหลานชาย ได้ถูกทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอท่าแซะ จับตรวจปัสสาวะพบเป็นสีม่วง ขณะนี้ได้นำตัวเข้าสู่กระบวนการบำบัดเป็นเวลา 15 วัน ส่วนนางสาวธิดารับจ้างกรีดยางและเลี้ยงลูกอยู่บ้าน ซึ่งปลัด อบต.สองพี่น้อง ได้พูดคุยทำความเข้าใจในเรื่องของโทษภัยผลกระทบของยาเสพติดที่ส่งผลต่อลูกเนื่องจากลูกยังคงกินนมแม่ และขอความร่วมมือให้เลิกเสพ โดยจะทำข้อตกลงเป็นพันธสัญญาให้ นางสาวธิดาให้เลิกยาเสพยาเสพติดอย่างเด็ดขาด โดยจะให้เลี้ยงลูกอยู่ที่บ้าน และจะมีเจ้าหน้าที่ อบต.คอยติดตามพฤติกรรมแวะมาตรวจปัสสาวะทุกๆ 5 วันด้วย
ในส่วนของเด็กพบว่าไม่ยอมหลับนอนและมีพฤติกรรมอยู่ไม่นิ่ง ซึ่งน่าจะเป็นผลพ่วงมาจากได้รับสารเสพติดจากน้ำนมแม่ที่กินเข้าไป เป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงอย่างมาก เพราะหวั่นว่าสารเสพติดจะเข้าไปทำร้ายระบบสมองของเด็ก และดูจากภายนอกเด็กมีการพัฒนาการช้ากว่าเด็กปกติทั่วไปมาก ซึ่งทางปลัด อบต. จะนำเด็กไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลใกล้บ้านเป็นการเบื้องต้นและจะประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้ามาช่วยเหลือดูแลและติดตามชีวิตความเป็นอยู่สุขภาพร่างกายและพัฒนาการของเด็กต่อไป.-สำนักข่าวไทย