นนทบุรี 3 พ.ค. – พาณิชย์ร่วมกับ 5 หน่วยงาน เร่งสร้างความมั่นใจส่งออกหมอนยางพารา หนุนออกมาตรฐานบังคับ
นายวิทยากร มณีเนตร รองอธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า จากที่มีการตีพิมพ์บทความในประเทศเกาหลีใต้เกี่ยวกับหมอนยางพาราของไทยมีการแพร่กระจายสารเรดอนที่ทำให้เกิดความเสี่ยงต่อสุขภาพ ทำให้ยอดจำหน่ายหมอนยางพาราของไทยไปเกาหลีลดลงมากและอาจกระทบถึงตลาดอื่น กรมฯ ตระหนักและเห็นถึงความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องหาวิธีการแก้ปัญหาดังกล่าว จึงได้จัดประชุมกับหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ได้แก่ การยางแห่งประเทศไทย (กยท.) สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ สถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย และสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม
“ผู้ผลิตหมอนยางพาราที่ใส่แร่โมนาไซต์ในผลิตภัณฑ์จำเป็นต้องตระหนักรู้ถึงผลข้างเคียงด้านกัมมันตภาพรังสีที่ปล่อยจากแร่ธาตุ โดยกรมจะประชาสัมพันธ์ข้อมูลและข้อเท็จจริงของสารเรดอน หรือแร่ธาตุใด ๆ ที่อาจปล่อยกัมมันตภาพรังสีไปยังสมาคม ผู้ผลิตหมอนยางพารา สินค้าที่สัมผัสผู้บริโภคโดยตรง รวมถึงหน่วยงานกำกับดูแลมาตรฐานด้านรังสี ซึ่งแผนระยะสั้นจะต้องสร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้บริโภคและผู้นำเข้าทั้งในไทยและต่างประเทศ ส่วนระยะยาวจะหามาตรการรองรับเกี่ยวกับมาตรฐานสินค้าด้านกัมมันตภาพรังสีเพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศ เนื่องจากปัจจุบันประเทศที่พัฒนาแล้วเพิ่มมาตรการเข้มข้นมากขึ้นด้านความปลอดภัยของผู้บริโภคหรือด้านอื่น ๆ เช่น สิ่งแวดล้อม แรงงาน ประเทศไทยในฐานะผู้ส่งออกก็ให้ความสำคัญในการป้องกัน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาสินค้าไม่สามารถส่งออกไปได้หรือถูกตีกลับ” นายวิทยากร กล่าว
นายพิสิฏฐ์ สุนทราภัย ผู้แทนสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ (ปส.) กล่าวว่า ปส.ตรวจสอบข้อเท็จจริงพบว่ามีการนำสินแร่โมนาไซด์ซึ่งมีธาตุกัมมันตรังสีทอเรียมเป็นองค์ประกอบใส่ที่นอนและหมอน ซึ่งทอเรียมจะสลายตัวเกิดธาตุกัมมันตรังสีเรดอน ปส.พิจารณาเห็นว่าการนำวัสดุกัมมันตรังสีไปเติมใส่ในสินค้าอุปโภคแม้จะปริมาณเล็กน้อยก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรกระทำ เว้นแต่จะได้รับการพิจารณาว่าสมเหตุสมผลและมีประโยชน์มากกว่าโทษที่เกิดขึ้น กรณีการเติมสินแร่โมนาไซด์ลงไปในหมอนถูกพิจารณาว่า ไม่สมเหตุสมผลเนื่องจากไม่ได้ทำให้คุณสมบัติจำเพาะของหมอนดีขึ้นจึงไม่เกิดประโยชน์ แต่มีโทษเกิดความเสี่ยงผู้ใช้จะได้รับอันตรายจากรังสีระยะยาว สินแร่โมนาไซด์ในธรรมชาติได้รับการยกเว้นในการกำกับดูแล เนื่องจากมีปริมาณกัมมันตภาพรังสีต่ำกว่าเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด จึงเป็นช่องว่างในการควบคุม อย่างไรก็ตาม ปส.ได้เห็นถึงความสำคัญของสุขภาพและความปลอดภัยระยะยาวของผู้บริโภคที่สัมผัสสินค้าที่มีวัสดุกัมมันตรังสีเป็นส่วนประกอบ พร้อมให้ความร่วมมือผลักดันให้เกิดกฎระเบียบและมาตรฐานการผลิตหมอนยางพาราที่ปราศจากวัสดุกัมมันตรังสี เพื่อให้เกิดความปลอดภัยต่อผู้บริโภคและไม่ให้มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะเป็นประโยชน์ทุกภาคส่วนหากสามารถดำเนินการสำเร็จ
นายหาญณรงค์ ฉ่ำทรัพย์ รองผู้อำนวยการสถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ กล่าวว่า สถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติให้ความมั่นใจว่ามีความพร้อมด้านห้อง Lab และบุคลากรที่จะอำนวยความสะดวกผู้ประกอบการในการตรวจวัดและวิเคราะห์ธาตุกัมมันตรังสีเรดอน และออกใบรายงานผลการตรวจวัดและวิเคราะห์ ซึ่งผลการตรวจวัดและวิเคราะห์ผลนั้นเป็นมาตรฐานระดับสากล เพื่อสร้างความเชื่อมั่นก่อนการส่งออกไปยังต่างประเทศ อีกทั้งสถาบันสามารถให้บริการตรวจวัดและวิเคราะห์ ถึงบริษัทผู้ประกอบการได้โดยตรง เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการอย่างเร่งด่วน
นายนรพงศ์ วรอาคม นักวิชาการมาตรฐาน กองกำหนดมาตรฐาน สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) กล่าวว่า เพื่อเป็นการคุ้มครองผู้บริโภค รวมถึงสร้างความมั่นใจให้กับสินค้าไทย ที่ประชุมเสนอให้ สมอ.พิจารณาการให้หมอน/ที่นอนยางพาราเป็นผลิตภัณฑ์บังคับ โดยกำหนดไม่ให้พบปริมาณสารรังสีในตัวผลิตภัณฑ์ (หรือข้อกำหนดที่ไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ) รวมถึงทั้งการแสดงสัญลักษณ์ เพื่อให้ผู้บริโภคมีความมั่นใจในการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ปราศจากอันตรายจากกัมมันตภาพรังสี
ทั้งนี้ ภาพรวมการส่งออกกลุ่มสินค้าผลิตภัณฑ์ยางพาราพิกัดศุลกากร (HS Code) 94049090 ประกอบด้วย สิ่งของเครื่องนอนและเครื่องตกแต่งที่คล้ายกันติดตั้งสปริงหรือยัดหรือติดภายในด้วยวัสดุใดก็ตาม หรือทำด้วยยางเซลลูลาร์หรือพลาสติกปี 2561 มีมูลค่ารวม 65,431,840 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 2,098 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้น 16.40%.-สำนักข่าวไทย