“เดวิด มัลพาสส์” นั่งแท่นประธานเวิลด์แบงก์คนใหม่

สหรัฐ 8 เม.ย. – ตั้งปลัดคลังสหรัฐคนสนิทผู้นำสหรัฐ เป็นประธานเวิลด์แบงก์คนใหม่ คาดปฏิรูปองค์กรครั้งใหญ่…ตามใบสั่งโดนัลด์ ทรัมป์


การเลือก “เดวิด มัลพาสส์” ปลัดกระทรวงการคลัง ในรัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ให้นั่งเก้าอี้ประธานธนาคารโลก (เวิลด์แบงก์) ถือเป็นการเปิดโฉมหน้าว่าที่ผู้นำองค์กร การเงินระดับโลกคนใหม่ ซึ่งกำลังถูกจับตาว่าจะดำเนินนโยบายการเงินโลกเอื้อกับจุดยืนของทรัมป์หรือไม่



มัลพาสส์ซึ่งเข้ารับตำแหน่งประธานธนาคารโลกในวันที่ 9 เม.ย.นี้ (เวลาท้องถิ่น) เป็นเพียงบุคคลเดียวที่ถูกเสนอชื่อให้ ดำรงตำแหน่งนี้ซึ่งมีวาระดำรงตำแหน่ง 5 ปี แต่การเสนอชื่อเขาโดยประธานาธิบดีทรัมป์ เมื่อช่วงต้นปีนี้ ได้โหมกระพือเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากฝ่ายเห็นต่าง ซึ่งมองว่า เป็นการสบประมาทองค์กรแห่งนี้ซึ่ง มีภารกิจอันสำคัญยิ่งในการต่อต้าน ความยากจนทั่วโลก

ธนาคารโลก แถลงเมื่อวันศุกร์ว่า “การเลือก มัลพาสส์ โดย คณะกรรมการบริหารของธนาคารโลก มีขึ้นตามหลังกระบวนการเสนอชื่อที่ เปิดกว้างและโปร่งใส ซึ่งพลเมืองของ แต่ละประเทศสมาชิกต่างมีสิทธิถูก เสนอชื่อ” การประกาศเลือกประธานธนาคารโลกคนใหม่ ซึ่งเป็นไปตามที่คาดหมาย มีขึ้น ก่อนสมัยการประชุมร่วมฤดูใบไม้ผลิของเวิลด์แบงก์กับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ในสัปดาห์นี้

อย่างไรก็ตาม นับตั้งแต่ธนาคาร แห่งนี้ถูกก่อตั้งขึ้นหลังสงครามโลก ครั้งที่ 2 ประธานของเวิลด์แบงก์ทุกคนที่ผ่านมาล้วนเป็นชาวอเมริกัน ตามกฎระเบียบที่ไม่เป็นลายลักษณ์อักษรหนึ่งซึ่งรับประกันเช่นกันว่าตัวแทนจากยุโรปจะได้ดำรงตำแหน่งผู้บริหารสูงสุดในสถาบันพี่น้องกัน คือ ไอเอ็มเอฟ

เจ้าหน้าที่กระทรวงการคลังวัย 63 ปีรายนี้ ซึ่งรับหน้าที่ดูแลกิจการระหว่างประเทศ เคยวิพากษ์วิจารณ์เวิลด์แบงก์และไอเอ็มเอฟ อย่างดุเดือด โดยเขาบอกว่าทั้ง 2 องค์กรล้วนเป็นสถาบันการเงินระหว่างประเทศที่ “ทุจริต” และ “ไร้ประสิทธิภาพ” พร้อมยังวิจารณ์ที่เวิลด์แบงก์ที่เอื้อเฟื้อจีนมากเกินไป

อย่างไรก็ตาม เมื่อเร็วๆ นี้ มัลพาสส์ ได้แสดงท่าทีโอนอ่อนลง โดยบอกว่า เขาจะมุ่งมั่นในภารกิจของธนาคารโลก ในการขจัดความยากจนและจะพยายามปฏิรูปสถาบันนี้ตามแผนที่ได้รับการอนุมัติเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งใส่ใจต่อเสียงวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ นานาของเขา ในนั้นรวมถึงการจำกัด การปล่อยกู้ และเพิ่มอัตราดอกเบี้ย แก่ประเทศที่มีรายได้สูงอย่างจีนด้วยสหรัฐควบคุมสิทธิโหวตส่วนใหญ่ในธนาคารโลก และตำแหน่งประธานเวิลด์แบงก์นี้ตามธรรมเนียมปฏิบัติแล้วจะมาจากประเทศที่ถือหุ้นใหญ่ที่สุด ซึ่งก็คือสหรัฐ ประธานของเวิลด์แบงก์ทุกคนที่ผ่านมาจึงล้วนเป็นชาวอเมริกัน

แต่ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เหล่าประเทศเกิดใหม่ส่งเสียงท้าทายข้อตกลงที่ไม่เป็นลายลักษณ์อักษรเกี่ยวกับตำแหน่งผู้นำเวิลด์แบงก์และไอเอ็มเอฟ โดยเรียกร้องให้เปิดกว้างมากขึ้นและมีกระบวนการ คัดเลือกบนพื้นฐานของความเหมาะสม ธนาคารโลกรับฟังเสียงวิพากษ์วิจารณ์เหล่านั้นและตอนนี้ยอมให้กระบวนการสรรหาเปิดกว้างมากขึ้น แต่หลายปีที่ผ่านมา เหล่าผู้สมัครที่ไม่ใช่ชาวอเมริกันต่างได้รับเสียงสนับสนุนเพียงเล็กน้อยจากบรรดาหุ้นส่วนใหญ่ของธนาคารแห่งนี้

กระบวนการสรรหาประธานธนาคารโลกคนใหม่ มีขึ้นหลังจากที่ จิม ยอง คิม ได้ประกาศลาออกจากตำแหน่งประธานธนาคารโลกเมื่อต้นเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ. แม้ว่าเขา ยังเหลือระยะเวลาในการปฏิบัติหน้าที่มากกว่า 3 ปี ก่อนครบวาระในปี 2565 หลังจากที่เขาได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประธานธนาคารโลกสมัยที่ 2 เมื่อปี 2559

ทั้งนี้ สหรัฐซึ่งมีสิทธิออกเสียงมากที่สุดในธนาคารโลกนั้น มีส่วนในกระบวนการเลือกสรรประธานธนาคารโลกนับตั้งแต่ ที่องค์กรได้เริ่มดำเนินการในปี 2489

มนูชิน เสริมว่า มัลพาสส์เหมาะสม ตามอุดมคติที่จะเป็นผู้นำเวิลด์แบงก์ ขณะที่ อิวานกากล่าวว่า เธอเชื่อว่าเขาจะเป็นผู้นำที่ไม่ธรรมดา

รมว.มั่นคงมาตุภูมิสหรัฐ ลาออก เซ่นปัญหาผู้อพยพ

เคิร์สต์เจน นีลเซน (Kirstjen Nielsen) รัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิสหรัฐ ลาออกจากตำแหน่งแล้วเมื่อวานนี้ (7 เม.ย.) หลังจากประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ออกมาแสดงความไม่พอใจที่มีผู้อพยพจากเม็กซิโกหลั่งไหลมายังพรมแดนสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น

เจ้าหน้าที่ระดับสูงคนหนึ่งเผยว่า ทรัมป์ เป็นผู้ขอให้ นีลเซน ลาออกเอง ซึ่งเธอก็ยินยอมโดยผู้นำสหรัฐฯ ประกาศผ่านทวิตเตอร์ว่า “รัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ เคิร์สต์เจน นีลเซน กำลังจะลาออกจากตำแหน่ง และผมขอขอบคุณเธอที่ได้อุทิศตนรับใช้บ้านเมือง”

ทรัมป์ ระบุว่า เควิน แมคคาลีนัน (Kevin McAleenan) ผู้อำนวยการสำนักงานศุลกากรและป้องกันชายแดนสหรัฐ จะขึ้นมาปฏิบัติหน้าที่รักษาการรัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ

นีลเซน วัย 46 ปี ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิมาตั้งแต่เดือน ธ.ค. ปี 2017 และมีข่าวลือตลอดช่วงปีที่แล้วว่าเธออาจจะลาออก กระทั่งล่าสุดเมื่อเจ้าหน้าที่ชายแดนสหรัฐฯ ออกมาเผยว่ามีผู้อพยพถูกสกัดที่ชายแดนเม็กซิโกมากถึง 100,000 คนในเดือน มี.ค. ซึ่งเป็นตัวเลขสูงสุดในรอบทศวรรษ

การสกัดกั้นผู้อพยพผิดกฎหมายถือเป็นนโยบายหลักของรัฐบาล ทรัมป์ ซึ่งได้ชูสโลแกน “สร้างกำแพง” เพื่อลดจำนวนผู้มาใหม่ที่ลักลอบเข้าสหรัฐฯ โดยปราศจากเอกสารที่ถูกต้อง ผู้อพยพที่เพิ่มจำนวนขึ้นในเดือนที่แล้วส่วนใหญ่เป็นประชากรจากอเมริกากลางที่ต้องการลี้ภัยในสหรัฐ

ทรัมป์ หงุดหงิดกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นถึงขั้นประกาศจะตัดความช่วยเหลือกัวเตมาลา ฮอนดูรัส และเอลซัลวาดอร์ ซ้ำยังขู่จะปิดพรมแดนที่ติดกับเม็กซิโกเสีย ทว่าต่อมาก็เปลี่ยนใจหันมาขู่รีดภาษีชิ้นส่วนรถยนต์นำเข้าจากเม็กซิโกแทน

ในจดหมายลาออกของเธอ นีลเซน เรียกร้องขอความร่วมมือจากสภาคองเกรสและศาล ซึ่งคัดค้านนโยบายกีดกันผู้อพยพจากชาติมุสลิมและมาตรการจับแยกเด็กๆ ผู้อพยพออกจากพ่อแม่ของ ทรัมป์ มาโดยตลอด

“ดิฉันหวังว่า รัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิคนใหม่คงจะได้รับการสนับสนุนจากสภาคองเกรสและศาลในการแก้ไขกฎหมายซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการป้องกันชายแดนอเมริกา และมีส่วนสร้างความแตกแยกในชาติของเรา” เธอระบุในจดหมายลาออกที่ส่งถึงทรัมป์

การลาออกของ นีลเซน มีขึ้นเพียง 2 วัน หลังจากที่ ทรัมป์ ประกาศเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว (5) ว่าจะเลิกเสนอชื่อ โรนัลด์ วิทิเอลโล (Ronald Vitiello) เป็นผู้อำนวยการสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากรแห่งสหรัฐ (ICE) เนื่องจากอยากได้คนที่ “แข็งกร้าว” กว่านี้

นีลเซน ถูกพวกเดโมแครตในคณะกรรมาธิการคองเกรสซักฟอกมาแล้วหลายครั้ง และยังต้องรับคำวิจารณ์จากผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับนโยบายของทรัมป์ เมื่อปีที่แล้วเธอยังถูกผู้ประท้วงปิดล้อมที่ภัตตาคารอาหารเม็กซิกันแห่งหนึ่งในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ด้วย

เธอกลายเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงคนล่าสุดที่ถอนตัวจากรัฐบาลทรัมป์ ทำให้เวลานี้เหลือคณะรัฐมนตรีที่เป็นผู้หญิงอยู่เพียง 4 คน นอกจากนี้ ทรัมป์ ก็ยังสรรหาบุคคลมาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมและประธานคณะเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวอย่างถาวรไม่ได้

เบนนี ทอมป์สัน ส.ส.เดโมแครตซึ่งดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งมาตุภูมิของสภาผู้แทนราษฎร ชี้ว่าการทำงานของ นีลเซน ที่กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิถือว่าเป็น “หายนะตั้งแต่ต้น” แต่ก็ไม่เห็นด้วยที่เธอจะต้องกลายเป็นแพะรับบาปจาก “นโยบายที่แย่และทารุณโหดร้าย” ของทรัมป์

เมื่อปีที่แล้ว นีลเซน เผชิญแรงกดดันจากนักวิจารณ์ให้ถอนตัวออกมา หลังจาก ทรัมป์ เริ่มใช้นโยบาย “ความอดทนเป็นศูนย์” (Zero Tolerance) ซึ่งรวมถึงการจับเด็กผู้อพยพแยกออกจากพ่อแม่ โดยหวังข่มขู่ไม่ให้อีกหลายครอบครัวทิ้งบ้านมาแสวงหาชีวิตใหม่ในสหรัฐอเมริกา .- สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ค้นบ้านสามารถ

ดีเอสไอเข้าค้นบ้าน “สามารถ” คดีฟอกเงินดิไอคอน

ดีเอสไอเข้าค้นบ้าน “สามารถ เจนชัยจิตรวนิช” คดีฟอกเงินดิไอคอน หลังพบเงิน “บอสดิไอคอน” โอนเข้าบัญชีแม่ของนายสามารถ

หมอบุญ

THG แจงบริษัทไม่เกี่ยวข้องคดีต่างๆ ที่เกิดจาก “หมอบุญ”

THG แจงตลาดหลักทรัพย์ฯ ปัจจุบัน “หมอบุญ” ไม่ได้ดำรงตำแหน่งกรรมการและผู้บริหารใน THG คดีฉ้อโกงใดๆ ที่เกิดขึ้น บริษัทไม่เกี่ยวข้อง

คะแนนไม่เป็นทางการ เลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ

ลุ้นผลคะแนนเลือกตั้งนายก อบจ.นครศรีธรรมราช นับเสร็จแล้วบางหน่วย ล่าสุด ณ เวลา 19.40 น. “วาริน ชิณวงศ์” เบอร์ 2 จากทีมนครเข้มแข็ง ชนะคู่แข่งขาดลอยในหลายหน่วย คะแนนทิ้งห่างแชมป์เก่า “กนกพร เดชเดโช” เบอร์ 1 จากพรรค ปชป.

“ทนายสายหยุด” จ่อถอนตัวคดีตั้ม หวั่นติดร่างแห

“ทนายสายหยุด” เตรียมถอนตัวเป็นทนายให้ “ตั้ม” เผยในมือมีแต่พยานเท็จ ปิดบังข้อเท็จจริง เสี่ยงเป็นผู้ร่วมกระทำผิด

ข่าวแนะนำ

DSI ฝากขัง “สามารถ-แม่” พร้อมคัดค้านประกันตัว

DSI ฝากขัง “สามารถ-แม่” พร้อมคัดค้านประกันตัว ด้านแม่ตะโกนร้องขอความเป็นธรรม ถูกกลั่นแกล้ง แจงเป็นเงินบุญ ปี 64 ขณะที่ “สามารถ” เผย “อยากพูด แต่พูดไม่ได้“

งด ครม.

งด ครม. ทำเนียบวันนี้ เตรียมสัญจรครั้งแรก “เชียงใหม่-เชียงราย” วันศุกร์

งด ครม. ทำเนียบวันนี้ เตรียมสัญจรครั้งแรก “เชียงใหม่-เชียงราย” ศุกร์นี้ นายกฯ ตั้งเป้าปีหน้าน้ำท่วมภาคเหนือต้องไม่เกิดอีก ด้าน ศปช. เตรียมเสนอแผนแก้อย่างเป็นระบบใน ครม.สัญจร ศุกร์นี้