กรุงเทพฯ 16 พ.ย. – การเดินหน้านำกัญชามาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ ยังคงเป็นเรื่องที่ถกเถียงกันในสังคม วันนี้ มหาวิทยาลัยรังสิต จับมือภาคประชาชน เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีใช้ ม.44 เปิดทางให้ใช้กัญชาได้ทั้งระบบ และฟ้องกรมทรัพย์สินทางปัญญา หากไม่แก้ปัญหาการจดสิทธิบัตรสารสกัดกัญชา
หลังจากที่มหาวิทยาลัยรังสิต มีการหารือร่วมกับภาคประชาชน ทั้งมูลนิธิสุขภาพไทย มูลนิธิชีววิถี กลุ่มศึกษาข้อตกลงเขตการค้าเสรี สภาการแพทย์แผนไทย และผู้สนับสนุนให้นำกัญชามาใช้ในการแพทย์ ได้มีมติร่วมกันออกแถลงการณ์เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีจริงใจในการนำกัญชามาใช้ทางการแพทย์ ปลดกัญชาออกจากยาเสพติดทุกประเภท ให้ใช้ประโยชน์ครอบคลุมในทุกแนวทางการรักษา ทั้งแผนปัจจุบันและแผนไทย โดยประชาชนสามารถใช้และปลูกกัญชาได้ ไม่จำกัดแค่หน่วยงานรัฐ เพื่อป้องกันการผูกขาดในการปลูก การผลิต การครอบครอง และนำมาซึ่งการสูญเสียความมั่นคงทางยา
ทั้งนี้ แม้ว่าที่ประชุม ครม.เห็นชอบร่าง พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ ฉบับ สนช. และทำความเห็น ครม.ประกอบ เสนอกลับให้ที่ประชุม สนช.พิจารณาอีกครั้ง แต่ก็ยังเห็นว่า กฎหมายดังกล่าวไม่ชัดเจน และไม่ครอบคลุมกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องกัน เช่น กรณีสิทธิบัตรสารสกัดจากกัญชา จึงเห็นควรเรียกร้องให้รัฐบาลใช้ ม.44 ในการแก้ไขปัญหากัญชาทั้งระบบ
ส่วนปัญหาเรื่องสิทธิบัตรสารสกัดจากกัญชา ที่มีการยื่น 11 คำขอ จาก 2 บริษัท ต่อกรมทรัพย์สินทางปัญญา และอยู่ในขั้นตอนของการโฆษณานั้น เมื่อปีที่แล้ว ทางมหาวิทยาลัยรังสิต เคยสอบถามจากรัฐมนตรีพาณิชย์ กลับระบุว่าไม่สามารถจดได้ แต่ครั้งนี้กลับให้บริษัทต่างชาติจดได้ จึงอาจพิจารณาฟ้องในฐานะผู้เสียประโยชน์จากเรื่องนี้ หากภายในวันอังคาร กรมทรัพย์สินทางปัญญา ยังไม่มีการเพิกถอนสิทธิบัตรฯ
ทางออกของการใช้ประโยชน์จากกัญชาจะเป็นรูปแบบไหน ประชาชนจะเข้าถึงได้ในรูปแบบใด โดยไม่มีความเคลือบแคลง คงเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่ต้องทำเรื่องนี้ให้กระจ่าง เพราะมูลค่าของกัญชาที่ได้รับการพัฒนา จนสามารถใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ได้ สูง 1 ล้านล้านบาท. – สำนักข่าวไทย. – สำนักข่าวไทย