กทม.15 ก.ย.-กทม.ชูแนวคิด ‘ร่วมใจไม่ทิ้งสัตว์ ช่วยขจัดโรคพิษสุนัขบ้า’ เนื่องในงานวันป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าโลก 25 ก.ย.นี้ ที่ศูนย์ควบคุมสุนัข เขตประเวศ
พญ.วันทนีย์ วัฒนะ รองปลัดกรุงเทพมหานคร (กทม.) แถลงว่า เนื่องในวันป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าโลก ประจำปี 2559 (World Rabies Day 2016) กทม.ได้รับเกียรติเป็นเจ้าภาพหลักในการจัดงาน โดยกำหนดจัดในวันที่ 25 ก.ย.นี้ เวลา 09.00-10.00 น. ณ ศูนย์ควบคุมสุนัขกรุงเทพมหานคร เขตประเวศ ภายใต้แนวคิด “ร่วมใจไม่ทิ้งสัตว์ ช่วยขจัดโรคพิษสุนัขบ้า”เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนมีความตระหนักในอันตรายของโรคสุนัขบ้า กระตุ้นและส่งเสริมให้เกิดความร่วมมือกันในการกำจัดโรคพิษสุนัขบ้า โดยการเลี้ยงสัตว์ด้วยความรักและรับผิดชอบ
กิจกรรมในงานประกอบด้วย บริการผ่าตัดทำหมันสุนัขและแมว ฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า ฉีดไมโครซิปและจดทะเบียนสุนัข จัดนิทรรศการให้ความรู้โรคพิษสุนัขบ้า ให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการเลี้ยงสัตว์และพฤติกรรมสัตว์ การเสวนา การแสดงบนเวทีและการแสดงความสามารถของสุนัข ฯลฯ
พญ.วันทนีย์ กล่าวว่า โรคพิษสุนัขบ้าเป็นโรคสัตว์สู่คนที่มีความร้ายแรง คนหรือสัตว์ที่แสดงอาการของโรคนี้แล้วต้องเสียชีวิตทุกราย สำหรับสถานการณ์โรคพิษสุนัขบ้าของประเทศไทยมีแนวโน้มลดลง จากข้อมูลสถิติของสำนักระบาดวิทยา กระทรวงสาธารณสุข พบว่า ตั้งแต่ปี 2553 จำนวนคนเสียชีวิตด้วยโรคพิษสุนัขบ้าทั้งประเทศมีจำนวนปีละ 3-6 ราย ในขณะที่กรุงเทพฯ ยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2555 จนเมื่อวันที่ 7กันยายน 2559 ได้รับรายงานจาก รพ.จุฬาฯว่าพบผู้ป่วยเพศชายอายุ52ปี ในพื้นที่เขตบางนา ติดเชื้อพิษสุนัขบ้าจากการถูกสุนัขกัดแล้วไม่ไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษาและฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า จนแสดงอาการและเสียชีวิตในที่สุด
จากสถิติข้อมูลตัวอย่างสัตว์ในเขตกรุงเทพมหานคร ที่ส่งตรวจยืนยันโรคพิษสุนัขบ้าทางห้องปฏิบัติการ มีแนวโน้มลดลงจาก 72 ตัว ในปี 2555 เหลือ 22 ตัวในปี 2558 และในปี 2559 พบเพียง 13 ตัว โดยพบว่าสุนัขเป็นโรคพิษสุนัขบ้ามากที่สุดร้อยละ 96 รองลงมาเป็นแมว ร้อยละ 4 ทั้งนี้ ร้อยละ 50 ของสัตว์ที่พบเชื้อเป็นสัตว์จรจัด แสดงให้เห็นว่ายังมีสัตว์จรจัดเป็นพาหะสำคัญอยู่ในพื้นที่ หากประชาชนไม่ตระหนักถึงอันตรายและความร้ายแรงของโรคพิษสุนัขบ้า ไม่นำสัตว์เลี้ยงไปฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า ขาดความรู้ความเข้าใจในการเลี้ยงสัตว์อย่างรับผิดชอบ นำสุนัขหรือแมวที่มีจำนวนมากเกินไปหรือมีสภาพร่างกายที่ไม่สวยงามไปปล่อยทำให้สัตว์จรจัดมีจำนวนมากขึ้น เป็นเหมือนการเพิ่มพาหะนำโรคและทำให้ประชาชนมีความเสี่ยงที่จะถูกสัตว์เหล่านั้นกัดมากขึ้นตามไปด้วย
อย่างไรก็ตามหากประชาชนคนใดถูกสุนัขหรือแมวกัดหรือข่วน ให้รีบล้างแผลด้วยน้ำสะอาด ไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษา ฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าและที่สำคัญควรจดจำสุนัขที่กัดเพื่อติดตามอาการ หากสุนัขเสียชีวิตให้ส่งซากชันสูตรโรคพิษสุนัขบ้า สำหรับผู้ที่ประกอบอาชีพหรือมีโอกาสคลุกคลีใกล้ชิดกับสุนัขหรือแมวเป็นประจำถือว่าเป็นกลุ่มเสี่ยง แนะนำให้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าเพื่อป้องกันไว้ก่อน .-สำนักข่าวไทย