สำนักงาน กกต. 29 ก.ย. – “วัชระ” ร้อง กกต.เร่งดำเนินคดีอาญา “เรืองไกร-ธาริต” ให้การเท็จ หาว่าใช้ตำแหน่ง ส.ส.แทรกแซงเพื่อช่วย “อภิสิทธิ์-สุเทพ”
ผู้สื่อข่าวรายงานจากสำนักงาน กกต. ว่าเมื่อเวลา 11.00 น. นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ เข้ายื่นเรื่องร้องเรียนต่อประธาน กกต. โดยมีนายอำนวย น้อยโสภา รอง ผอ.สำนักเลขาธิการ กกต. เป็นผู้รับเรื่อง ขอให้ กกต.ดำเนินคดีอาญากับนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ที่ปรึกษากฎหมายพรรคเพื่อไทย และนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีดีเอสไอ
จากกรณีที่นายเรืองไกร ร้องเรียนตนและนายศุภชัย ศรีหล้า อดีตประธานคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน สภาผู้แทนฯ ต่อ กกต. ว่าจงใจใช้สถานะของ ส.ส.ก้าวก่ายและแทรกแซงการทำหน้าที่ของนายธาริต ที่เรียกนายธาริต มาชี้แจงกรณีชายชุดดำ หรือบุคคลที่มีการใช้อาวุธสงครามในการชุมนุมทางการเมือง ในช่วงเดือนเมษายนถึงพฤษภาคม 2553 โดยไม่มีมติของที่ประชุม ซึ่งเป็นการให้การเท็จ เพราะการให้เชิญนายธาริต เป็นมติของกรรมาธิการพัฒนาการเมือง และในคณะกรรมาธิการดังกล่าวก็มี ส.ส.พรรคเพื่อไทยเป็นเสียงข้างมาก และยังให้การเท็จว่าตนและนายศุภชัย พยายามแทรกแซงโดยมีเจตนาที่จะช่วยเหลือนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ให้พ้นจากข้อกล่าวหาการดำเนินคดีของดีเอสไอ
ในขณะเดียวกันนายเรืองไกร ยังให้การเท็จกับคณะกรรมการไต่สวนของ กกต.โดยประสงค์จะให้ กกต.ลงโทษตนและนายศุภชัย ว่าจงใจใช้สถานะของการเป็น ส.ส.ก้าวก่ายหรือแทรกแซงข้าราชการประจำ เป็นการผ่าฝืนรัฐธรรมนูญ 2550 มีโทษเพิกถอนสิทธิ์ทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปี แต่ กกต.ได้มีคำวินิจฉัยและส่งคำสั่งยกคำร้องมาให้ตนรับทราบ ซึ่งหมายความว่าคำร้องของทั้งสองคนนั้น ไม่มีมูลความจริงและให้การเท็จต่อเจ้านักงาน ซึ่งตนเห็นว่าการกระทำดังกล่าวผิดกฎหมายอาญา มาตรา 137 และ 267 เนื่องจากเป็นการให้การด้วยข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงาน และตนได้รับความเสียหาย จึงขอให้ กกต.ดำเนินคดีอาญาอย่างเฉียบขาด.-สำนักข่าวไทย