จ.ปทุมธานี 26 มี.ค.-กรมการจัดหางาน-กรมราชทัณฑ์ ร่วมลงนามสร้างทักษะอาชีพให้ผู้ต้องขัง พร้อมประสานผู้ประกอบการรองรับแรงงานที่เคยผ่านการต้องโทษ ปีละไม่ต่ำกว่า 3 หมื่นคน จะช่วยเพิ่มตลาดแรงงานที่ขาดแคลนในอนาคต
พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วย พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และผู้บริหารทั้งสองกระทรวง ร่วมในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงโครงการประชารัฐ ร่วมสร้างแรงงาน สร้างอาชีพผู้ต้องขัง ระหว่างกรมการจัดหางานกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กรมราชทัณฑ์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ที่ทัณฑสถานบำบัดพิเศษ จ.ปทุมธานี เพื่อตอบสนองนโยบายรัฐ ยกระดับศักยภาพทักษะและสมรรถนะแรงงานสร้างโอกาสและคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับผู้ต้องขัง มุ่งหวังส่งเสริมคนดีสู่สังคมและแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงาน พร้อมมอบวุฒิบัตรให้แก่ผู้ต้องขัง ทัณฑสถานบำบัดพิเศษ จ.ปทุมธานี จำนวน 40 คน ที่ได้รับการพัฒนาทักษะฝีมือการทำทองรูปพรรณ และปูกระเบื้อง และชมการฝึกทักษะการทำทองรูปพรรณภายในเรือนจำจากผู้ต้องขังประมาณ 100 คนที่ได้รับการพัฒนาฝีมือ เพื่อส่งให้กับห้างทองที่เยาวราช โดยผู้ต้องขังจะได้รับเบี้ยเลี้ยงต่อเดือนด้วย
พล.ต.อ.อดุลย์ กล่าวว่าโครงการดังกล่าว เป็นการทำงานในรูปแบบประชารัฐ โดยความร่วมมือของ5 หน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อสร้างโอกาสและคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่ผู้ต้องขัง โดยผ่านกระบวนการฝึกอบรมวิชาชีพจริยธรรมให้โอกาสกับผู้ที่เคยกระทำผิดปรับปรุงตนเอง และแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงานในบางสาขาอาชีพ ทั้งยังเป็นการเตรียมความพร้อมให้แก่กำลังแรงงานโดยการแนะแนวอาชีพเพิ่มทักษะความรู้ความสามารถเตรียมความพร้อมด้านจรรยาบรรณในวิชาชีพ เพื่อเข้าสู่กระบวนการทำงานส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพให้เป็นที่ต้องการของตลาดแรงงาน และสามารถประกอบอาชีพอิสระได้ ซึ่งสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปี ที่ต้องการยกระดับศักยภาพทักษะสมรรถภาพแรงงานอย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงาน ลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคม โดยมอบให้กรมการจัดหางานดำเนินการประสานงานและให้คำแนะนำแก่สถานประกอบการหรือนายจ้างในการส่งเสริมการมีงานทำให้แก่ผู้ต้องขังในเรือนจำและรับผู้ต้องขังชั้นดีใกล้พ้นโทษเข้าฝึกทักษะในสถานประกอบการ รับลงทะเบียนและบริหารจัดการงานให้แก่ผู้พ้นโทษที่ประสงค์จะหางานทำ
ตลอดจนฝึกทักษะ อาชีพระยะสั้นแก่ผู้ต้องขัง แนะนำอาชีพให้ข้อมูลข่าวสารตลาดแรงงาน ให้คำปรึกษา แนะนำการประกอบอาชีพอิสระ ส่วนกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน จะช่วยฝึกอาชีพ เพิ่มเติมความรู้รวมทั้งการประกอบชิ้นงานเพื่อจัดจำหน่ายและสร้างรายได้แก่ผู้ต้องขัง ทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานให้แก่ผู้ต้องขังในสาขาอาชีพตามความต้องการและสอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงาน
ขณะที่กรมราชทัณฑ์ทำหน้าที่จัดทำฐานข้อมูลผู้ต้องขัง เพื่อ ประสาน การส่งเสริมการมีงานทำจัดทำขั้นตอนการดำเนินงานรับชิ้นงานไปผลิตในเรือนจำส่งผู้ต้องขังเข้าฝึกทักษะในสถานประกอบการอำนวยความสะดวกด้านสถานที่ฝึกอบรมและการปฏิบัติงานทางยังควบคุมดูแลติดตามผลผู้ต้องขังที่ได้รับการส่งเสริมการมีงานทำผ่านกลไกศูนย์ประสานงานและส่งเสริมการมีงานทำด้านสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยทำหน้าที่ประสานงานกับสถานประกอบการหรือใน จ้างเพื่อเข้าร่วมโครงการและประชาสัมพันธ์เผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับโครงการเพื่อการรับรู้และเจตคติที่ดีในการรับผู้ต้องขังเข้าทำงานกับผู้ประกอบธุรกิจการค้าและบริการภาคเอกชนโดยบันทึกข้อตกลงฉบับนี้มีระยะเวลา 5 ปี
สำหรับโครงการนี้มีเป้าหมายดำเนินงานจำนวน 37,000 คนแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือกลุ่มแรกดำเนินการก่อนพ้นโทษจะเป็นการฝึกทักษะและฝึกอาชีพจำนวน 27,000 คน และเตรียมความพร้อมก่อนพ้นโทษอีกจำนวน10,000คน กลุ่มที่ 2 การดำเนินการหลังพ้นโทษและจะคัดแยกกลุ่มผู้พ้นโทษตามความต้องการระหว่างต้องการงานทำในสถานประกอบการและต้องการประกอบอาชีพอิสระ โดยกรมการจัดหางานจะบริการจัดหางานและส่งเสริมการประกอบอาชีพอิสระและจะมีการติดตามประเมินผลเป็นระยะทุกๆ 1 เดือน 3 เดือน 6 เดือนและ 1 ปี
ด้านพล.อ.อ.ประจิน กล่าวว่าปัจจุบันมีผู้ต้องขังในเรือนจำทั่วประเทศ 143 แห่ง จำนวน 346,470 คน บางส่วนเป็นกำลังแรงงานและมีศักยภาพในการทำงาน พ้นโทษปีละกว่า30,000 คน ซึ่งกรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม ให้ความสำคัญต่อนโยบายรัฐ และสานพลังประชารัฐ โดยการจัดตั้งศูนย์ประสานงานและส่งเสริมการมีงานทำ ในผู้ต้องขัง เพื่อสร้างโอกาสและคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่ผู้ต้องขัง ให้โอกาสกับผู้ที่เคยกระทำผิดปรับปรุงตนเองและสามารถกลับมาใช้ชีวิตในสังคมได้อีก ลดการกระทำผิดซ้ำ เป็นการสร้างคนดีสู่สังคมอย่างยั่งยืนและมีประสิทธิภาพ .-สำนักข่าวไทย