สำนักงาน ป.ป.ช. 14 มี.ค. – สำนักงาน ป.ป.ช. จัดประชุมร่วมกับภาคอุตสาหกรรมบันเทิง ยกร่างความร่วมมือสังคมไม่ทนต่อการทุจริต ประธาน ป.ป.ช.ตั้งเป้าอีก 5 ปีสร้างมิติคนไทยไม่เพิกเฉยการทุจริต ขณะที่ ผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท อสมท จำกัด ระบุ ทุกองค์กรต้องมีระบบที่เอื้อต่อการตรวจสอบการทุจริต
สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จัดประชุมโครงการจุดกระแสสังคมที่ไม่ทนต่อการทุจริตด้วยนวัตกรรมสื่อสาธารณะสร้างสรรค์ ร่วมกับภาคอุตสาหกรรมบันเทิงในแนวทางประชารัฐ เพื่อส่งเสริมสนับสนุนให้ภาคอุตสาหกรรมบันเทิงร่วมสร้างสังคมที่ไม่ทนต่อการทุจริต ด้วยการออกแบบและบรรจุเนื้อหาที่สร้างให้สังคมไม่ทนต่อการทุจริตในผลงานสร้างสรรค์ของตน เพื่อให้เกิดสังคมที่ไม่ทนต่อการทุจริตในทุกภาคส่วนผ่านการสื่อสารสาธารณะสร้างสรรค์
พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวว่า ในปี 2560 ได้กำหนดยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ระยะที่ 3 ว่าด้วยประเทศไทยใสสะอาด ไทยทั้งชาติต้านทุจริต ซึ่งหนึ่งในยุทธศาสตร์หลักคือการสร้างสังคมไม่ทนต่อการทุจริต โดยจะมุ่งเน้นไปที่การปรับสภาพสังคมที่ไม่ทนต่อการทุจริต
ประธานป.ป.ช. กล่าวว่า เริ่มจากการสอนในทุกระดับโดยเฉพาะเด็ก ๆ ผ่านสถาบันการศึกษาในการสร้างค่านิยม และปลูกจิตสำนึกให้เด็ก ๆ มีจิตสาธารณะเห็นแก่ภาพรวม ใช้กระบวนการกล่อมเกลาทางสังคม ซึ่งการประชุมเพื่อยกร่างข้อตกลงความร่วมมือและแผนปฎิบัติร่วมภาคอุตสาหกรรม เป็นหนึ่งในโครงการจุดกระแสสังคมไม่ทนต่อการทุจริตโดยจะร่วมมือกับทุกภาคส่วน รวมทั้งภาคอุตสาหกรรมในการใช้จุดเด่นของแต่ละองค์กรขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติให้เกิดเป็นรูปธรรมอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ยังปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของภาครัฐให้มีประสิทธิภาพ คุ้มค่ากับงบประมาณและเกิดผลลัพท์สูงสุดต่อประเทศ
พล.ต.อ.วัชรพล กล่าวว่า ปัญหาการทุจริตคอรัปชั่นเป็นปัญหาที่มีความสำคัญและเป็นนโยบายที่สำคัญของรัฐบาลซึ่งที่ผ่านมาได้ประกาศจะมีการรับรู้การทุจริตหรือ CPI อันดับของไทยขยับขึ้นมาเล็กน้อยซึ่งคะแนนมีความสำคัญกับการตัดสินใจของนักลงทุนและท่องเที่ยวที่จะเข้ามาในประเทศ ทั้งนี้ อีก 5 ปีข้างหน้า ป.ป.ช. ตั้งเป้าทำให้ประเทศไทยเป็นมิติใหม่ ทำให้คนไม่เพิกเฉยต่อการทุจริต โดยต้องยกระดับธรรมาภิบาลจัดทำแผนป้องกันและปราบปรามการทุจริตอย่างเป็นระบบ
จากนั้นได้มีเวทีอภิปรายเรื่อง “การสร้างการรับรู้ของประชาชนผ่านสื่ออุตสาหกรรมบันเทิง” โดยมีวิทยากรเข้าร่วม ประกอบด้วย นางสุวณา สุวรรณจูฑะ กรรมการ ป.ป.ช. นายเขมทัตต์ พลเดช กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) น.ส.จิตรลดา ดิษยนันทน์ กรรมการผู้จัดการบริษัท กันตนา มูฟวี่ ทาวน์(2002) จำกัด และนายสุทนต์ กล้าการขาย นายกสมาคมสื่อช่อสะอาด
นางสุวณา สุวรรณจูฑะ กรรมการ ป.ป.ช. กล่าวว่า กลไกของ ป.ป.ช.ที่ต้องการสร้างสังคมที่ไม่ทนต่อการทุจริต ต้องอาศัยความร่วมมือกับทุกภาคส่วน ทำให้ประชาชนตระหนักว่าการทุจริตเป็นภัยของชาติ เป็นภัยใกล้ตัวที่สร้างความเสียหายอย่างมหาศาล โดยยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ระยะที่ 3 ระหว่างปี 2560-2564 จะเริ่มดูตั้งแต่ต้นตอของปัญหาการทุจริต เน้นการป้องกันก่อนที่จะเกิดการทุจริต ซึ่งได้สร้างระบบป้องกัน พร้อมนำเทคโนโลยี เข้ามาช่วยเป็นเครื่องมือให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายให้ตื่นตัวต่อต้านการทุจริต ขณะที่การปราบปรามการทุจริตก็มีความสำคัญเช่นกัน โดยกฎหมาย ป.ป.ช.ฉบับใหม่มีความเข้มงวดมาก ดำเนินคดีอย่างเด็ดขาดกับผู้ที่กระทำความผิด สร้างให้สังคมตื่นกลัว และต้องยกย่องผู้ที่กระทำความดี สร้างการรับรู้ว่าหากทำดี ทำสิ่งที่ถูกกต้อง ก็ไม่ต้องเกรงกลัวผู้มีอิทธิพลใด ๆ เนื่องจากกฎหมายมีการคุ้มครองผู้ที่แจ้งเบาะแสอยู่แล้ว
ด้านนายเขมทัตต์ พลเดช กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า สิ่งสำคัญที่ทุกองค์กรต้องดำเนินการ คือ การวางระเบียบและระบบที่เอื้อต่อการป้องกันและตรวจสอบการทุจริต รวมถึงต้องปลูกฝังจริยธรรมของประชาชนผ่านการสื่อสารในช่องทางต่าง ๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่ อสมท ยึดมั่นว่าตลอดว่าต้องเสนอข้อมูลข่าวสารที่เป็นธรรม เป็นกลาง โดยเฉพาะยุคปัจจุบันที่สามารถส่งต่อข่าวสารผ่านสื่อโซเชียลได้อย่างรวดเร็ว และไม่ว่าใครก็สามารถเป็นผู้สื่อข่าวได้ แต่สิ่งสำคัญคือต้องสร้างการรับรู้ว่าก่อนแชร์ หรือส่งต่อข้อมูลใด ๆ ควรคัดกรองก่อน เพื่อป้องกันการส่งต่อข้อมูลที่ผิดพลาดหรือเป็นเท็จ
นายเขมทัตต์ กล่าวอีกว่า อีกหนึ่งสิ่งสำคัญเรื่องการป้องกันการทุจริต คือวิสัยทัศน์ขององค์กร ซึ่งตั้งแต่เข้ามารับตำแหน่งผู้อำนวยการใหญ่ อสมท ได้พยายามปรับเปลี่ยนเรื่อง การปรักปรำ ผู้ที่ถูกกล่าวหาว่าทุจริต บางครั้งบุคคลนั้นอาจมีความผิดเพียง 50% แต่กลับถูกตั้งข้อสงสัยมากกว่านั้น โดยต้องตรวจสอบหาข้อเท็จจริงก่อน.-สำนักข่าวไทย