กรุงเทพฯ 5 ต.ค. – สตง.รับเรื่องสอบบินตรงฮาวาย 20 ล้าน – ชี้จากข้อมูลเบื้องต้นยังไม่พบทุจริต ยืนยันคณะเดินทาง 38 รายไร้คนนอก ไปปฏิบัติราชการจริง และจำเป็นต้องเช่าเหมาลำ เครื่องลำใหญ่ เพราะต้องเดินทางไกล
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (5 ต.ค.) นายศรีสุวรรณ จรรยา อุปนายกและเลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้เข้ายื่นหนังสือต่อนายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ขอให้ตรวจสอบการใช้จ่ายเงินงบประมาณในการเดินทางไปประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียนและรัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐอเมริกา ของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม และคณะ ระหว่างวันที่ 29 ก.ย.- 1ต.ค. 2559 เนื่องจากกรณีดังกล่าว ถูกสาธารณชนวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากว่าเป็นการใช้งบประมาณอย่างไม่เหมาะสม โดยเฉพาะค่าเดินทางที่สูงเกินจริง มีการกำหนดราคากลางเมื่อวันที่ 20 ก.ย.2559 กว่า 20.9 ล้านบาทตามที่ปรากฏในเว็บไซต์ของสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี
นายศรีสุวรรณระบุว่า ต้องการให้ตรวจสอบการใช้จ่ายเงินงบประมาณกับผู้ถูกร้องดังนี้ 1.พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม และคณะจำนวน 43 หรือ 38 คน 2.น.ส.ปรียวรรณ สารกิจปรีชา ผู้อำนวยการกองต่างประเทศ น.ส.ดุสิตา ศรีชู ผู้อำนวยการกลุ่มวิเคราะห์และประสานงานต่างประเทศ 4 น.ส.กัณห์ชรี ทองแสง นักวิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญการ กองการต่างประเทศ สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี และ 3.นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการผู้อำนวยการใหญ่บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน)
นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า ค่าอาหารและเครื่องดื่มระหว่างเที่ยวบินโดยตั้งงบประมาณไว้ 6 แสนบาท เมื่อเทียบจำนวนผู้โดยสาร 38 หรือ 43 คนนั้นเหมาะสมหรือไม่ รวมถึงการเสริฟอาหารตามที่ปรากฏเป็นข่าว เช่น เมนูไข่ปลาคาเวียร์ มีความเหมาะสมหรือไม่ การบินด้วยชั้นเฟิร์ส คลาส มีความเหมาะสมหรือไม่
นายพิศิษฐ์ กล่าวว่า การเดินทางไปรัฐฮาวาย การบินไทยไม่มีเที่ยวบินตรง สตง.เห็นสอดคล้องว่ามีความจำเป็นต้องเช่าเหมาลำ อย่างไรก็ตามเรื่องความเหมาะสมก็แล้วแต่ใครจะมอง ซึ่งการเดินทางครั้งนี้ไปในนามรองนายกรัฐมนตรี หรือหัวหน้าคณะความมั่นคง การเดินทางโดยสายการบินแห่งชาติของตัวเอง ประเทศอื่นๆก็ทำเพราะเป็นเรื่องของเกียรติ เรื่องของศักดิ์ศรีประเทศ”นายพิศิษฐ์ กล่าว
นายพิศิษฐ์ กล่าวว่า กล่าวว่า จากการตรวจสอบรายชื่อผู้เดินทาง มีทั้ง 38 รายชื่อ ตามที่สำนักนายกฯส่งเอกสารมาชี้แจง โดยผู้สื่อข่าวที่ร่วมเดินทางไปด้วย คือ นางเหมือนฝัน และ นายจักรพงษ์ ไม่ใช่บุคคลที่ปรากฏเป็นข่าว
“จากข้อมูล ณ ขณะนี้ สตง.ยังไม่พบความผิดปกติในการใช้งบประมาณ หรือบ่งชี้ว่ามีการทุจริต แต่ก็ต้องรอข้อมูลจากการบินไทยในการวางบิลค่าใช้จ่ายทั้งหมดและมาเทียบกับราคากลางอีกครั้งว่าตรงกันหรือไม่ คาดว่าจะได้ข้อสรุปเบื้องต้นทั้งหมดภายในวันที่ 7 ต.ค.นี้ หลังจากนั้น จะส่งผลสรุปไปยังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ยืนยันว่า สตง.ไม่ได้พิจารณาเรื่องนี้เพื่อประจบหรือมีหน้าที่ต้องไปเอาใจใคร ที่ผ่านมา สต.ก็ตรวจสอบการใช้งบประมาณของทุกหน่วยงาน” นายพิศิษฐ์กล่าว