26 ก.ค. – 4 ป.ผนึก สตง.ประกาศสงครามปราบคอร์รัปชันทั่วประเทศ ดีเดย์โครงการก่อสร้างภาคอีสาน มูลค่าหลายร้อยล้านอันดับแรก
พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เปิดเผยผลการประชุมหารือร่วมกับสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.), สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.), สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เพื่อบูรณาการความร่วมมือในการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบด้านการเงินและการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐว่า ตำรวจสอบสวนกลาง โดยกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ได้ยกระดับการป้องกันปราบปรามการทุจริตในวงราชการในเชิงรุก โดยร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง (3 ป.) และมีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางออกล่อซื้อจับกุม โดยครั้งนี้ได้ขยายความร่วมมือไปยังสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการตรวจสอบข้อมูล การกระทำความผิดที่เป็นอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ หรือการปราบปรามการทุจริตหรือประพฤติมิชอบ เกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้าง หรือเรื่องการเงิน ซึ่งถือเป็นเรื่องใหญ่ของประเทศไทยที่มีมานานทุกระดับ เพื่อให้ผู้ที่จะกระทำความผิดได้เกรงกลัว แม้อาจต้องใช้ระยะเวลาแต่หากสามารถแก้ไขได้คาดว่าจะช่วยให้ประเทศไทยดีขึ้น
ด้านนายมณเฑียร เจริญผล ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) กล่าวว่า ทาง สตง.จะมาร่วมควบคุมตรวจสอบการใช้จ่ายของรัฐให้เกิดประสิทธิภาพ โดยส่งผู้เชี่ยวชาญเข้าไปร่วมในกระบวนการตรวจสอบตั้งแต่การกระทำความผิด เส้นทางการเงิน หากพบว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องกับการนำเงินหรืองบประมาณภาครัฐไปใช้ส่วนตัว ซึ่งความร่วมมือระหว่างทั้ง 5 หน่วยงานครั้งนี้จะทำให้กระบวนการตรวจสอบและดำเนินการกับผู้กระทำผิดได้รวดเร็วยิ่งขึ้น จากเดิมที่ต้องใช้ระยะเวลาเนื่องจากเมื่อตรวจสอบพบการทุจริตแล้ว สตง.จะส่งข้อมูลไปให้กับ ป.ป.ช. ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาดำเนินการ โดยขณะนี้มีข้อมูลโครงการที่เตรียมเข้าปฏิบัติการร่วมกันหลายสิบโครงการ หนึ่งในนั้นคือ การทุจริตเงินมูลค่าหลายสิบล้านบาท หรือเป็นโครงการก่อสร้างสาธารณูปโภคในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่บูรณาการร่วมกันหลายหน่วยงาน แต่ละหน่วยใช้งบประมาณมูลค่า 100 ล้านบาทขึ้นไป ขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลให้เพียงพอเพื่อให้ทั้ง 5 หน่วยงานได้พิจารณาเพื่อเข้าดำเนินการต่อไป มูลค่าหลาย 100 ล้านบาท
ทั้งนี้ ที่ผ่านมา สตง.ได้รับเรื่องร้องเรียนประมาณ 3,000 เรื่องต่อปี กว่าร้อยละ 80 ล้วนเป็นเรื่องการทุจริตการจัดซื้อจัดจ้าง จึงหวังให้มีการป้องกันลดการทุจริตลง เพื่อให้สามารถพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศให้เดินหน้าไปได้
ด้าน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง กล่าวว่า สตง.เป็นหน่วยงานที่มีหน้าที่ตรวจสอบการใช้งบประมาณของหน่วยงานทั่วประเทศ เป็นแหล่งข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับการทุจริต ผ่านการคัดกรองมาแล้วเมื่อเจ้าหน้าที่แหล่งข้อมูลมาสามารถนำมาดำเนินการได้รวดเร็ว เปิดมาสามารถออกหมายจับได้เลย และทุกโครงการที่ล้วนเป็นโครงการที่ส่งผลกระทบต่อประชาชน แม้จะมีมูลค่าไม่สูงก็ตาม หรืออาจเรียกได้ว่าเป็นการประกาศสงครามกับเจ้า หน้าที่รัฐที่ทุจริต ยืนยันว่า ไม่ใช่เรื่องเพ้อฝัน แม้การทุจริตจะไม่หมดไปแต่จะดีขึ้น เป็นความพยายามทำให้ภาษีของประชาชนทุกบาททุกสตางค์นำไปใช้กับส่วนรวมให้ได้มากที่สุด
นายเทพสุ บวรโชติดารา เลขาธิการ ปปง. กล่าวว่าวันนี้เป็นจุดเริ่มต้นในการบูรณาการความร่วมมือระหว่างกัน ซึ่งจะทำให้การดำเนินการกับเจ้าหน้าที่ที่กระทำความผิดรวดเร็วยิ่งขึ้น ซึ่งเจ้าหน้าที่รัฐที่กระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่เกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้างโดยมิชอบ จะมีความผิดทั้งทางอาญาวินัยรวมถึงจะต้อง ถูกตรวจสอบยึดทรัพย์ตามความผิดมูลฐานฟอกเงิน
เช่นเดียวกับนายภูมิวิศาล เกษมศุข เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท. กล่าวเพิ่มเติมว่า ความร่วมมือครั้งนี้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการจับกุมและบังคับใช้กฎหมาย โดยประชาชนสามารถแจ้งเบาะแสเจ้าหน้าที่รัฐที่กระทำความผิดมาได้ที่ ปปท. โทร. 1206 ทุกอย่างจะถูกปิดเป็นความลับ และเร่งดำเนินการด้วยความรวดเร็วโปร่งใสเด็ดขาดและเป็นธรรมเพื่อนำผู้กระทำผิดมาลงโทษ ขณะที่นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการ ป.ป.ช. กล่าวว่า ป.ป.ช.ได้พัฒนาระบบการสืบสวนโดยบรรจุนักสืบสวนคดีอีกจังหวัดอย่างน้อย 2 คน เมื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการสืบสวนข้อมูลของกลุ่มผู้มีอิทธิพล แต่กลุ่มความสำคัญต่างๆภายในจังหวัดที่อาจเอื้อผลประโยชน์ต่อกัน เพื่อสนับสนุนการทำงานของพนักงานสอบสวนให้รวดเร็วยิ่งขึ้นด้วย.-412-สำนักข่าวไทย