กรุงเทพฯ 7 ต.ค.- รองปลัดกระทรวงการต่างประเทศ เผย การประชุมเอซีดี ไทยจะผลักดันให้เกิดความเชื่อมโยงระหว่างเอเชียกับภูมิภาคอื่น ในด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน โครงสร้างพื้นฐาน เพื่อให้ เอเชียขึ้นเป็นเสาหลักด้านเศรษฐกิจของโลก ระบุ เป็นครั้งแรกที่ เอซีดี เปิดโอกาสให้ภาคเอกชนร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น
นายวิทวัส ศรีวิหค รองปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนฝ่ายไทยในการประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโส การประชุมสุดยอดกรอบความร่วมมือเอเชีย (เอซีดี) ครั้งที่ 2 เปิดเผยว่า การประชุมเอซีดีที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดขึ้นระหว่างวันที่ 8-10 ตุลาคมนี้ มีความสำคัญกับประเทศไทยและเอเชียอย่างมาก เพราะนอกจากไทยจะขับเคลื่อนประเด็นการพัฒนาที่ยั่งยืนให้เป็นเครื่องมือในการขจัดความเหลื่อมล้ำ ทั้งในระดับอนุภูมิภาคและภูมิภาคเอเชียแล้ว ไทยจะผลักดันเพื่อให้เกิดความเชื่อมโยงให้กับเอเชียและอนุภูมิภาคอื่น ๆ มากขึ้น โดยเฉพาะในด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน โครงสร้างพื้นฐาน
รองปลัดกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า ประเทศไทยค่อนข้างได้เปรียบเนื่องจากมีที่ตั้งอยู่ตรงกลาง สามารถเชื่อมโยงไปยังอนุภูมิภาคอื่น ๆ ได้สะดวก ปัจจัยนี้จะส่งผลให้ไทยสามารถพัฒนาเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน และการท่องเที่ยวได้คล่องตัวมากขึ้นในอนาคต ขณะที่อนุภูมิภาคต่าง ๆ เช่น อนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง อาเซียน เอเชียตะวันออก ที่มีประเทศญี่ปุ่น จีน เกาหลีใต้ และเอเชียใต้ ที่มีประเทศ อินเดีย ปากีสถาน บังคลาเทศ และ กลุ่มประเทศตะวันออกกลาง ก็จะได้รับประโยชน์จากความเชื่อมโยงด้วยเช่นกัน
นายวิทวัส กล่าวว่า เมื่อเอเชีย มีความแข็งแกร่งมากขึ้นเท่าไร จะส่งผลให้เอเชียขึ้นเป็นเสาหลักด้านเศรษฐกิจของโลกมากขึ้นเท่านั้น เพราะขณะนี้ทวีป ต่าง ๆ เริ่มประสบกับภาวะถดถอยทางด้านเศรษฐกิจ ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจของเอเชียพุงสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และอยู่ในอัตราที่สูงกว่าภูมิภาคอื่น เช่นเรื่องเงินทุนสำรองระหว่างประเทศ ในแต่ละประเทศในเอเชียรวมแล้วอยู่ที่ประมาณร้อยละ 60 ของโลก ขณะที่ จีดีพี ของแต่ละประเทศในเอเชีย ก็มีอัตราโดยเฉลี่ยสูงกว่าทวีปอื่น ๆ ดังนั้นการที่เอเชียที่จะได้ขึ้นเป็นเสาด้านเศรษฐกิจ ที่สำคัญของโลก จึงเป็นที่จับตามองจากหลายประเทศ
รองปลัดกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า นอกจากการประชุม ระดับผู้นำแล้ว ยังมีการจัดกิจกรรมคู่ขนานซึ่งภาคเอกชน จะพูดถึงประเด็นไฟแนนเชียลโคเปอร์เรชั่น หรือความร่วมมือทางการเงิน โดยเฉพาะเรื่องนวตกรรมทางการเงิน ที่ทั่วโลกกำลังให้ความสนใจ เพราะสามารถปฏิวัติวงการค้าขายในปัจจุบันได้ ซึ่งในประเด็นนี้ นายแจ็ค หม่า ผู้ก่อตั้งอลีบาบา ธุรกิจอี-คอมเมิร์ซ ยักษ์ใหญ่ในจีน และทีมงานจะเดินทางมาร่วมกิจกรรมด้วย
นายวิทวัส กล่าวว่า เชื่อว่า นายแจ็คหม่า จะนัดหมายเพื่อพบปะหารือกับนักธุรกิจและผู้แทนของประเทศต่าง ๆด้วย และเมื่อหารือเสร็จสิ้นผู้แทนภาคเอกชน จะนำข้อสรุปผลการหารือเสนอในการประชุมระดับผู้นำในวันที่ 10 ตุลาคมด้วย โดยกิจกรรมที่เกิดขึ้นนับว่าเป็นครั้งแรกที่ เอซีดี เปิดโอกาสให้ภาคเอกชนร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และยังเป็นการสะท้อนนโยบายประชารัฐ ระหว่างภาค รัฐ เอกชน และประชาชน ที่รัฐบาลให้ความสำคัญและเชื่อว่าเวทีการประชุมสุดยอดกรอบความร่วมมือเอเชีย ครั้งที่ 2 สร้างความเชื่อมโยงและความแข็งแกร่ง ให้ไทยและเอเชีย.-สำนักข่าวไทย