รัฐสภา 13 มี.ค.-“โรม” มั่นใจ ได้เปิดซักฟอก “แพทองธาร” แน่ บอกยังไม่ทันเริ่ม ก็เจอผู้ประท้วงคนแรก สวน “สุทิน” อย่าประเมินตัวเองสูงเกิน ทำตัวเป็น “โรนัลโด้แห่งสภา” ชี้ พท. แกล้งไม่เข้าใจ เขียนเสือให้วัวกลัว ทั้งที่เคยพาดพิงคนนอกไม่น้อย ท้า “ทักษิณ” ยอมให้พาดพิงได้ นั่งร้านจะได้ไม่ออกมาหาซีนป้องนาย บอก ทำหน้าที่เพื่อประชาชน ห้ามใครฟ้องไม่ได้ แต่วิงวอนขอความยุติธรรมให้คนตรวจสอบ ประเทศนี้ต้องมีคนใส่เบรกห้ามล้อ
นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน กล่าวถึงความคืบหน้าในการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ หลังนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ยืนยันว่าถ้าไม่แก้ไขจะไม่บรรจุเข้าระเบียบวาระการประชุม โดยรังสิมันต์ มั่นใจว่าจะมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจแน่นอน ซึ่งญัตติของพรรคฝ่ายค้านที่มีชื่อของนายทักษิณ ชินวัตร ทำให้ได้เห็นผู้ประท้วงคนแรก คือ นายวันนอร์ ทั้งที่สภาผู้แทนราษฎรมีกฎเกณฑ์อยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นญัตติศึกษา ญัตติตั้งกรรมาธิการ และการอภิปรายมาไว้วางใจก็เป็นญัตติที่มีกติการควบคุมในลักษณะเดียวกัน ส่วนตัวยืนยันว่าฝ่ายค้านไม่ได้ทำผิดในเรื่องนี้ แต่เป็นการใช้อำนาจโดยพลการของประธานสภาฯ ในการบังคับให้ถอนชื่อนายทักษิณ ถ้าไม่ถอนจะไม่ให้อภิปรายไม่ไว้วางใจซึ่งภายในวันนี้จะไปพูดคุยกับประธานสภาฯ เพื่อหาทางออกในเรื่องนี้ ดังนั้นเห็นบรรยากาศแล้วว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งวันนี้คงมีแรงต้านจากรัฐบาลที่สูง ซึ่งแปลกประหลาดมาก นายทักษิณอยากมีส่วนร่วมในการบริหารราชการแผ่นในหลายเรื่อง และที่ผ่านมาแทบจะไม่ได้ยินนายกรัฐมนตรีพูดถึงวิสัยทัศน์และทิศทางของบ้านเมืองอะไรเลย ได้ยินแต่จากนายทักษิณ ขณะเดียวกันฝ่ายค้านต้องการที่จะตรวจสอบนายกฯ ซึ่งฝ่ายค้านอาจจะต้องตั้งเรื่องให้เห็นภาพว่านายทักษิณอาจจะมาเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ จึงไม่ใช่การอภิปรายไม่ไว้วางใจนายทักษิณโดยตรง ส่วนตัวอยากถามนายทักษิณเข้ามาเกี่ยวข้องกับการเข้ามาบัญชาการเรื่องนี้หรือไม่ หรือถ้านายทักษิณพูดแฟร์ๆ ออกสื่อว่าสามารถพาดพิงและพูดถึงได้ พร้อมให้ตรวจสอบในฐานะที่เป็นบุคคลสาธารณะ จะทำให้บรรดานั่งร้านจะได้ไม่ออกมาเอาซีนปกป้องนาย และทำให้ฝ่ายค้านทำงานได้เต็มที่มากกว่า
ทั้งนี้นายรังสิมันต์ ยังกล่าวถึงการเตรียมความพร้อมในการอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า ช่วงนี้อาจดูเงียบๆ ไป เพราะกำลังเตรียมตัวอภิปรายไม่ไว้วางใจอย่างเต็มที่ ยืนยันว่าในช่วงวันที่ 24 มีนาคม เป็นต้นไปจะได้เห็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจของตนอย่างแน่นอน ส่วนที่มีการพูดจากฝ่ายรัฐบาลว่าหากไม่อภิปรายพาดพิงนายทักษิณ ฝ่ายค้านจะไม่มีเรื่องอภิปรายเลยหรือไม่นั้น นายรังสิมันต์ มองว่า เรื่องนี้เป็นวิธีการของพรรคเพื่อไทย ที่พยายามทำตัวเหนือกว่าคนอื่น และพยายามสั่งสอนทั้งที่ตัวเองไม่ได้มีคุณค่าหรือความสามารถที่จะมาสั่งสอนคนอื่นได้
“ในช่วงเวลาที่พรรคเพื่อไทยและอดีตพรรคก้าวไกลเป็นฝ่ายค้านร่วมกัน การอภิปรายของพรรคเพื่อไทยก็ไม่ได้ดีจนน่าจดจำ ดังนั้นนายสุทิน คลังแสง สส.เพื่อไทย ออกมาพูดราวกับสอนอยู่ 4 ชม. แต่มีเนื้อหานิดเดียว แล้วมาพูดเหมือนตัวเองเก่ง เหมือนตัวเองมหัศจรรย์ เป็นโรนัลโด้แห่งสภา ตนว่าอย่าประเมินตัวเองสูงเกินไป ขอให้รอดูก่อนทำหน้าที่ของฝ่ายค้านที่ไม่ใช่น้ำท่วมทุ่ง แต่มีเนื้อหาสาระ ยืนยันว่ารอบนี้เราเตรียมตัวมาดี มีหลายคนที่เป็นหมัดเด็ดแน่นอน สิ่งที่ไม่คาดว่าจะได้เห็นก็จะได้เห็น ผมยอมยืน 3 ชม. เลย ที่จะอภิปราย ”
ส่วนความพยายามในการให้แก้ไขญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจจะทำให้ฝ่ายค้านโดยเฉพาะพรรคประชาชนต้องระมัดระวังการอภิปรายถึงนายทักษิณหรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า เราอยากให้ประชาชนได้รู้ความจริงมากที่สุดและนั่นคือสิ่งที่เราพยายามทำหน้าที่อย่างเต็มที่ ถ้าต้องมาระมัดระวัง เพื่อความจริงไม่ประจักษ์สู่ประชาชนนั่นไม่ใช่พรรคประชาชน ยืนยันว่าถ้าเรื่องไหนนายทักษิณเข้าไปเกี่ยวเราจะต้องอภิปราย แต่ไม่ใช่การอภิปรายโดยตรง ยืนยันว่านี่คือการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีรายบุคคล ซึ่งในเคสนี้คือนายกรัฐมนตรี ดังนั้นถ้าต้องมีคนนั้นคนนี้เข้ามาเกี่ยวข้องก็มีความจำเป็น การทุจริตคอร์รัปชั่น น.ส.แพทองธาร ชินวัตร จะทำได้คนเดียวหรือ ต้องมีคนอื่นเกี่ยวข้องอยู่แล้ว ดังนั้นคิดว่าสถานการณีของพรรคเพื่อไทยน่าจะทำตัวแกล้งไม่เข้าใจ แต่ตัวท่านก็เข้าใจ เพราะในการอภิปรายไม่ไว้วางใจก็เคยพาดพิงบุคคลภายนอกไม่น้อยกว่าพวกเรา แต่วันนี้พอตัวเองต้องมีอยู่ในบทนี้ก็พยายามตีฆ้องร้องป่าว เขียนเสือให้วัวกลัว ทำตัวราวกับว่าเป็นพระอรหันต์ แต่ขอโทษเถอะพอไปดูเนื้อหาสาระกลับไม่มีอะไร
เมื่อถามว่าพร้อมใช่หรือไม่หากถูกนายทักษิณ ฟ้องฐานพาดพิงหรือหมิ่นประมาท นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ตนถูกฟ้องดำเนินคดีมาเยอะมาก และคงไม่สามารถไปควบคุมหรือห้ามไม่ให้ใครมาฟ้องตนได้ แต่ตนทำหน้าที่เพื่อประชาชน และทำหน้าที่นี้เหมือนเป็นวันสุดท้ายเสมอและทำหน้าที่อย่างเต็มที่ และได้แต่หวังว่าวันนี้เราเจอความท้าทายเรื่องระบบยุติธรรมเยอะแยะมากมาย ได้แต่วิงวอนว่าอย่างน้อยที่สุดเมื่อฝ่ายค้านและคนตรวจสอบได้ทำหน้าที่ ขอให้มีความยุติธรรมกับคนเหล่านี้บ้าง อย่างน้อยประเทศก็จะได้มีคนทัดทาน มีคนใส่เบรก มีคนห้ามล้อ ไม่ให้มีคนห้ามล้อ
อย่างไรก็ตาม นายรังสิมันต์ มั่นใจว่า ไม่น่าจะเป็นไปได้ที่การอภิปรายไม่ไว้วางใจจะไม่เกิดขึ้น เพราะหากเป็นเช่นนั้นจริงนายวันมูหะมัดนอร์ จะต้องแบกรับผลทางกฎหมายที่สูงมาก และเชื่อว่าการพูดกันในวันนี้จะหาทางออกได้ .-315 -สำนักข่าวไทย