นนทบุรี 4 มี.ค.-“รักชนก” จี้ “แพทองธาร” เคาะรวม 3 กองทุนสุขภาพ ชี้มีอำนาจสูงสุด จบปัญหาคาราคาซังมา 23 ปี วางไทม์ไลน์ให้ชัดจะทำให้เสร็จกี่ปี ดักคอ อย่าอ้างพ้นสมัยรัฐบาล ส่วนการแยกตัวเป็นอิสระ พรรคประชาชน ยกร่างกฎหมายแล้ว หวังเห็นฉบับรัฐบาล
น.ส.รักชนก ศรีนอก สส.กทม. พรรคประชาชน ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการศึกษาการจัดทำและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร และนายสหัสวัต คุ้มคง สส.พรรคประชาชน เดินทางไปเข้าพบนางมารศรี ใจรังสี เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม เพื่อหารือแนวทางการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการบริหารจัดการประกันสังคม ตั้งแต่เวลา 11.30 นจนถึง 12.30 น
นางมารศรี ให้สัมภาษณ์หลังการประชุมว่า วันนี้มีการประชุมหารือประมาณ 2-3 ประเด็น 1.กรณี ผอ.กองกฎหมายมีหนังสือกำชับเรื่องการเปิดเผยข้อมูล ซึ่งตนได้ชี้แจงยืนยันว่าเป็นการกำชับตามหน้าที่ตามปกติ ในฐานะของหน่วยงานผู้บังคับบัญชา เพื่อให้เจ้าหน้าที่ทุกคนในหน่วยงานดำเนินการให้เป็นไปตามพ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสาร และพ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล 2. กรณีเผยแพร่ผลการประชุมบอร์ดต่างๆ ผ่านเว็บไซต์นั้น เรื่องสามารถทำได้ ซึ่งสำนักงานประกันสังคมจะรีบไปดำเนินการต่อไปคาดว่าน่าจะประมาณสัปดาห์หน้า เพื่อดูข้อมูลว่าข้อมูลอยู่ตรงไหนจะนำขึ้นเว็บไซต์ได้อย่างไรบ้าง และ 3. เรื่องการรวมกองทุนกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ และ กองทุนสวัสดิการ ซึ่งเป็นรายละเอียดที่มีการขับเคลื่อนมาสักระยะหนึ่ง เป็นนโยบายที่จะขับเคลื่อนต่อ ในส่วนของสส.รับปากว่าจะไปดูเรื่องนี้และขับเคลื่อนร่วมกันต่อไป ว่าจะทำอย่างไรให้สิทธิ์การรักษาพยาบาลผู้กองทุนเป็นสิทธิ์เดียวกัน
“คำถามที่ประกันสังคมได้รับมากที่สุดในช่วงที่ผ่านมาว่าส่งเงินเข้าประกันสังคมแล้วได้อะไร ก็ขอยืนยันว่า ปัจจุบันเราหักเงินสมทบอยู่ที่ 5% ของเพดานเงินเดือนสูงสุดที่ 15,000 บาท หรือ 750 บาทต่อเดือน ทุกเดือนจะเป็นเงินออมสมทบกรณีชราภาพเดือนละ 900 บาท ส่วนสิทธิ์อื่นๆ ที่ได้รับ จะมีการสื่อสารต่อไป” นางมารศรีกล่าว กลว่า ส่วนเรื่องการออกนอกระบบนั้น จากการย้อนดูประวัติศาสตร์เราดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2538 โดยขับเคลื่อนหลายๆ ช่วง และสรุปมีในปี 2560 ได้ทำหนังสือสอบถามไปยังข้าราชการทั้งหมดทั่วประเทศ ผลออกมาครึ่งต่อครึ่งของคนที่เห็นด้วย และไม่เห็นด้วย ซึ่งกรณีคนที่ประสงค์จะไปนั้นรัฐบาลก็ต้องมาพิจารณาเรื่องการจัดงบเงินเดือน สวัสดิการต่อไป
ด้านน.ส.รักชนก กล่าวว่า ที่มาพูดคุยวันนี้ประเด็นหลักคือเรื่องของการเปิดเผยข้อมูล โดยเฉพาะกรณีหนังสือเวียนที่ส่งให้หน่วยงานต่างๆ ภายใต้สำนักงานประกันสังคม ส่วนใหญ่เป็นหนังสือกำชับถึงการรับของการทุจริตประพฤติมิ ส่วนหนังสือกับเรื่องการไม่เปิดเผยข้อมูลนั้นมี 2 ฉบับ ฉบับแรกพูดเรื่องไม่เปิดเผยข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับผู้ประกันตน และห้ามส่งข้อมูลที่ยังไม่ได้เป็นทางการ เข้าในแอพพลิเคชั่นไลน์ อีกอันเป็นหนังสือตัวเล่าสุด ซึ่งตนมองว่าไม่ปกติ แต่ก็เข้าใจว่า สำนำวานประกันสังคมได้รับคำสั่งมาอีกที อาจจะบอกไม่ได้ว่าใครสั่งมา อย่างไรก็ตามหลังพูดคุยกันแล้วเห็นว่าหนังสือฉบับนี้ไม่มีกฎหมายอะไรรองรับและข้อมูลบางอย่างถูกบังคับให้เปิดเผยอยู่แล้วตามกฎหมาย แต่ข้อมูลส่วนตัวของผู้ประกันตนนั้นเรารู้อยู่แล้วว่ามันผิดกฎหมายที่ดีพีเอซึ่งไม่มีใครขอข้อมูลพวกนี้อยู่แล้ว
น.ส.รักชนก กล่าวต่อว่า เรื่องที่ 2 คือมติของบอร์ดประกันสังคมทุกชุด ซึ่งที่ผ่านมาไม่มีใครติดตามมาก่อน แต่ตนยืนยันว่าตามพ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสาร มติของบอร์ดที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี ต้องมีการเปิดเผยได้ มีการลงรายงานการประชุม ดังนั้นที่ประกันสังคมยืนยันว่าจากนี้ ทำตามกฎหมายทำตามระเบียบที่ระบุไว้ แม้ชาวงที่ผ่านมาจะไม่ได้ทำ ซึ่งอาจเข้าข่ายมาตรา 157 ได้ที่ไม่เปิดเผยมติของบทที่ประชุม อย่างไรก็ตาม ที่บอกว่า ภายในสัปดาห์หน้าจะมีการเปิดเผยนั้นเราจะติดต่อ่ไป หากไม่เปิดเผยจริง ตนก็ได้ยืนยันว่าจะทำตามหน้าที่และอาจทำให้ท่านไม่สบายใจ
น.ส.รักชนก กล่าวว่า สำหรับการควบรวม 3 กองทุนเข้าใจว่า ไม่มีใครที่ยืนอยู่ตรงนี้จะสามารถตัดสินใจแทนรัฐมนตรีได้ แต่ตนก็ตั้งข้อสังเกต ว่าการควบรวมกองทุนให้บอร์ดฯ เป็นผู้ตอบได้ แต่ท่านอาจยังไม่ได้รับข้อมูลตรงนี้ หรือจำเป็นจะต้องนำเข้าบอร์ดแพทย์หรือไม่ ตนก็ไม่แน่ใจ แต่ลายเซ็นสุดท้ายที่จะเซ็นตอบกลับไปคือรมว.แรงงาน ทั้งนี้ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.แรงงาน กับนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารรสุข ตัดสินใจกันเองไม่ได้ เพราะไม่มีใครอยากจะปล่อยอำนาจในมือตัวเอง กระทรวงสาธารณสุขอาจจะยินดีรับแต่แรงอาจจะยังไม่ยินดีให้ ดังนั้นเรื่องนี้เราต้องจ่อไมค์ถามนายกรัฐมนตรี เพราะเป็นเรื่องคาบเกี่ยว 2 กระทรวงที่ตัดสินใจกันไม่ได้มานานกว่า 23 ปีแล้ว คำตอบมีเพียงว่า ไม่พร้อม ถ้ายังคุยกันแบบเดิมไม่มีการกระทุ้งจากคนที่มีอำนาจในการตัดสินใจจริงๆ อย่างนายกรัฐมนตรีชาตินี้ก็คงไม่ได้ควบรวม
“อย่างว่าคนที่ต้องทำเรื่องนี้ให้พร้อมคือนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร ซึ่งท่านมีการตั้งบอร์ดศึกษาการควบรวมเสร็จแล้ว ขอเรียกร้องว่าหากมีความจริงใจในการจัดการปัญหาเรื่องนี้จริงๆ จะต้องกำหนดระยะเวลาว่า จะศึกษาภายในระยะเวลาเท่าไหร่ และในอีกกี่ปีข้างหน้าเรื่องนี้ถึงจะเกิดขึ้น อาจจะบอกว่า 4-5 ปีไม่ได้อยู่ในสมัยของท่านแล้ว แต่นี่คือเรื่องสำคัญที่ต้องกำหนดการทำงาน เพราะมีการศึกษามา 23 ปีแล้วไม่มีความคืบหน้า” น.ส.รักชนก กล่าว และว่า กรณีตีกลับสูตรคำนวณบำนาญชราภาพเมื่อครั้งประชุมบอร์ประกันสังคมสัปดาห์ก่อน เป็นเรื่องการเมือง หลังมีการออกมาเปิดเผยเรื่องงบฯ
ด้านนายสหัสวัต กล่าวว่า ในส่วนการแยกสำนักงานประกันสังคมออกจากราชการนั้น ของสส.พรรคประชาชนมีการร่างพ.ร.บ.เอาไว้แล้วหากรัฐบาลเห็นว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องจำเป็นเร่งด่วน ก็ขอให้รัฐบาลเตรียมร่างของฝั่งรัฐบาลเอาไว้ เพราะหากผ่าน ครม.แล้วก็จะ fast track เข้าสภาได้เลย จะทำให้การผลักดันยกระดับโครงสร้างของประกันสังคมเป็นไปได้มากที่สุด ดังนั้นตรงนี้ก็อยากจะฟังความชัดเจนจากรัฐบาลเช่นเดียวกัน.-312.-สำนักข่าวไทย