ชัวร์ก่อนแชร์: หยุดหลั่งอสุจิ 7 วันเพิ่มฮอร์โมนเพศชาย จริงหรือ?

26 กุมภาพันธ์ 2568
แปลและเรียบเรียงบทความ : อดิศร สุขสมอรรถ
ตรวจทานและพิสูจน์อักษร : คมส์ธนนท์ ศุขอัจจะสกุล


ข้อมูลที่ถูกแชร์ :

มีข้อมูลเท็จเกี่ยวกับสุขภาวะทางเพศชายเผยแพร่ทางสื่อสังคมออนไลน์ในต่างประเทศ เมื่อความเชื่อว่าการละเว้นจากกิจกรรมทางเพศเพื่อป้องกันการหลั่งอสุจิเป็นเวลา 7 วัน จะช่วยเพิ่มระดับฮอร์โมน Testosterone ฮอร์โมนเพศชายที่ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อในร่างกายได้ถึง 45%


บทสรุป :

  1. ความเชื่อเรื่องประโยชน์ต่อสุขภาพจากการละเว้นการหลั่งน้ำอสุจิ เป็นหนึ่งข้อมูลเท็จเกี่ยวกับสุขภาพที่เผยแพร่ทางอินเทอร์เน็ตมากที่สุด
  2. งานวิจัยปี 2003 ที่พบว่าฮอร์โมน Testosterone เพิ่มขึ้นหลังหยุดหลั่งน้ำอสุจิได้ 7 วัน ไม่น่าเชื่อถือ เพราะหลังจาก 7 วัน ฮอร์โมน Testosterone กลับมาอยู่ในระดับปกติเช่นเดิม
  3. การวิจัยผลดีและผลเสียจากการหลั่งน้ำอสุจิยังไม่ชัดเจน
  4. คาดว่าระดับฮอร์โมน Testosterone ที่เพิ่มขึ้นของคนที่หยุดหลั่งน้ำอสุจินาน ๆ อาจเกิดขึ้นกับบุคคลที่มองการหลั่งอสุจิในแง่ลบ การหยุดหลั่งน้ำอสุจิจึงลดความเครียดทำให้ระดับฮอร์โมนกลับมาสมดุลอีกครั้ง

FACT CHECK : ตรวจสอบข้อเท็จจริง :

Semen Retention หรือความเชื่อเรื่องประโยชน์ต่อสุขภาพจากการละเว้นจากการหลั่งน้ำอสุจิ ถือเป็นหนึ่งข้อมูลเท็จเกี่ยวกับสุขภาพของเพศชายที่เผยแพร่ทางอินเทอร์เน็ตอย่างแพร่หลายมากที่สุด ตามการสำรวจในงานวิจัยที่เผยแพร่ทางวารสาร International Journal of Impotence Research เมื่อปี 2022 โดยพบว่าเป็นความเชื่อที่แพร่หลายในกลุ่มชายที่มีแนวคิดอนุรักษ์นิยม


ในสหรัฐอเมริกายังมีกระแสทางออนไลน์ที่เรียกว่า Nofap ซึ่งเผยแพร่มาจากกระทู้ในเว็บไซต์ Reddit เมื่อปี 2011 โดยรณรงค์ให้ผู้ชายละเว้นจากการสำเร็จความใคร่เป็นเวลา 90 วัน จุดประสงค์เพื่อช่วยให้ผู้ชายบำบัดอาการเสพติดการดูหนังผู้ใหญ่มากเกินไป ก่อนจะขยายผลเป็นการละเว้นการหลั่งอสุจิเพื่อสุขภาพ โดยอ้างว่าจะเป็นการเพิ่มระดับฮอร์โมน Testosterone

หนึ่งในข้ออ้างคือการอ้างอิงงานวิจัยปี 2003 ซึ่งเปรียบเทียบระดับฮอร์โมน Testosterone กับอาสาสมัคร 28 ราย โดยพบว่าหลังจากอาสาสมัครหลั่งอสุจิไปแล้ว 2-5 วัน ระดับฮอร์โมน Testosterone ไม่แตกต่างจากช่วงก่อนการหลั่งอสุจิมากนัก แต่หลังจากหยุดหลั่งน้ำอสุจิได้ 7 วัน พบว่าระดับฮอร์โมน Testosterone ในเซรัมสูงกว่าค่ามาตรฐานที่ 145.7% นำไปสู่การอ้างว่า การระงับการหลั่งอสุจิเป็นเวลา 1 สัปดาห์ ช่วยเพิ่มระดับฮอร์โมน Testosterone ในร่างกายได้

อย่างไรก็ดี นอกจากจะเป็นงานวิจัยที่เก่าและทดลองกับกลุ่มตัวอย่างจำนวนน้อยแล้ว งานวิจัยขาดความน่าเชื่อถือจากการถูกถอนจากวารสารที่ตีพิมพ์ จากข้อหานำหัวข้อวิจัยที่เคยตีพิมพ์ในวารสารจากสาธารณรัฐประชาชนจีนมาตีพิมพ์ซ้ำ

นอกจากนี้ในปี 2021 เว็บไซต์ The Conversation รายงานว่า มีการนำผลการทดลองไปทำซ้ำแต่กลับไม่ได้ผลลัพธ์แบบเดียวกัน เพราะหลังผ่านไปแล้ว 7 วัน ระดับฮอร์โมน Testosterone ในร่างกายลดลงมาอยู่ในระดับปกติอีกครั้ง แม้จะเพิ่มระยะเวลาเว้นการหลั่งอสุจิให้นานขึ้นก็ตาม

มีงานวิจัยที่ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างการหลั่งอสุจิและระดับฮอร์โมน Testosterone อยู่มากมาย หลายชิ้นไม่พบว่าทั้งสองสิ่งมีความสัมพันธ์กัน และยังมีงานวิจัยที่พบว่าการหลั่งอสุจิจากการมีเพศสัมพันธ์หรือการสำเร็จความใคร่ ช่วยเพิ่มระดับฮอร์โมน Testosterone ได้อีกด้วย แม้จะไม่ทราบผลที่แน่ชัดในระยะยาวก็ตาม

นอกจากนี้ มีหลักฐานที่พบว่า การหลั่งอสุจิส่งผลดีต่อร่างกาย ทั้งการลดความเครียด ช่วยเรื่องการนอนหลับ และมีข้อมูลที่พบประโยชน์ต่อการป้องกันมะเร็งต่อมลูกหมาก แม้ความสัมพันธ์ดังกล่าวจะยังไม่เป็นที่เข้าใจอย่างชัดเจนก็ตาม

ส่วนสาเหตุที่การละเว้นการหลั่งอสุจิ ทำให้บางคนมีระดับฮอร์โมน Testosterone สูงขึ้น มีงานวิจัยที่พบว่าอาจจะเกิดจากทัศนคติในแง่ลบที่มีต่อการหลั่งอสุจิของบุคคลนั้น ๆ ที่อาจมองว่าการหลั่งอสุจิเป็นเรื่องไม่ดีต่อสุขภาพหรือเป็นสิ่งต้องห้ามตามหลักความเชื่อทางศาสนา ดังนั้นการหลั่งอสุจิจึงนำมาซึ่งความรู้สึกในแง่ลบ ส่งผลต่อความสมดุลของระดับฮอร์โมนในร่างกาย การยุติการหลั่งอสุจิของคนที่มีความเชื่อเหล่านั้น จึงส่งผลให้สภาพจิตใจของพวกเขาฟื้นฟูขึ้น ส่งผลให้ระดับฮอร์โมน Testosterone กลับมาสูงขึ้นนั่นเอง

ข้อมูลอ้างอิง :

https://www.snopes.com/fact-check/increase-testosterone-45-percent/
https://theconversation.com/nofap-can-giving-up-masturbation-really-boost-mens-testosterone-levels-an-experts-view-157701

ดูข่าวเพิ่มเติม

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter

หมายเหตุ : โฆษณาที่ปรากฏอยู่บนหน้าเว็บไซต์นี้ แสดงผลโดยอัตโนมัติจากบริษัทผู้ให้บริการโฆษณา ไม่ใช่การสนับสนุนหรือส่งเสริมจากศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์แต่อย่างใด

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สั่งย้ายครูแบทแมน

สั่งเด้ง “ครูแบทแมน” ถ่ายคลิปไม่เหมาะสมในโรงเรียน

กัน จอมพลัง บุก ก.ศึกษาธิการ ร้องเอาผิดครูชายสวมหน้ากากแบทแมน ถ่ายคลิปไม่เหมาะสมในโรงเรียน จ.อุทัยธานี ล่าสุดสั่งย้าย “ผอ.โรงเรียน-ครูแบทแมน” เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง ด้าน “สส.ชาดา-กัน จอมพลัง” ลงพื้นที่ ขีดเส้นตายสอบเอาผิด

แม่อดีตครูสาว ยังติดใจสาเหตุ หลังพบศพในรถลานจอด รพ.

“น้องกิ๊ฟ” อดีตครูหายตัวไปเกือบ 1 เดือน พบอีกทีเป็นร่างไร้วิญญาณในรถยนต์บนลานจอดของโรงพยาบาล ญาติยังติดใจสาเหตุวอนตำรวจตรวจสอบกล้องวงจรปิด ไขข้อสงสัย

สั่งจำคุก “อัจฉริยะ” 2 เดือน ไม่รอลงอาญา คดีละเมิดอำนาจศาล

ศาลอาญาสั่งจำคุก “อัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์” 2 เดือน ไม่รอลงอาญา ฐานละเมิดอำนาจศาล เผยแพร่เอกสารสรุปย่อคำพิพากษาต่อสื่อมวลชนโดยไม่ได้รับอนุญาต

ข่าวแนะนำ

รถบัสดูงานคว่ำ

เร่งหาสาเหตุรถบัสคณะดูงานบึงกาฬ พลิกคว่ำทางลงเขาศาลปู่โทน

เจ้าหน้าที่เร่งกู้ซากรถบัสคณะดูงานเทศบาลบึงกาฬ เสียหลักพลิกคว่ำบริเวณทางลงเขาศาลปู่โทน จ.ปราจีนบุรี ทำให้มีผู้เสียชีวิต 18 คน บาดเจ็บอีกจำนวนมาก พร้อมเร่งหาสาเหตุของอุบัติเหตุ หลังมีรายงานว่าตอนลงเขารถบัสใช้ความเร็วเกิน 100 กม./ชม.

ดราม่ายิว

“มท.1” ลงพื้นที่โบสถ์ชาบัด ด้านผู้นำศาสนายูดาห์ ลั่นไม่เคยคิดยึดปาย

“มท.1” ลงพื้นที่โบสถ์ชาบัด เมืองปาย หลังมีกระแสข่าวชาวอิสราเอลตั้งถิ่นฐาน-ก่อความวุ่นวาย ด้านผู้นำศาสนายูดาห์ ลั่นประเทศไทยเป็นของคนไทย ไม่เคยคิดยึดปาย รับเสียใจคนเข้าใจผิด ทั้งที่คนอิสราเอลชอบประเทศไทยและคนไทย

รถบัสคว่ำ

รถบัสดูงานจากบึงกาฬ พลิกคว่ำดับ 18 – คนขับอ้างไม่ชินทาง

รถบัสทัศนศึกษาดูงานจากบึงกาฬ พลิกคว่ำทางลง “เขาศาลปู่โทน” ปราจีนฯ เสียชีวิต 18 คน บาดเจ็บกว่า 30 คน เบื้องต้นคนขับอ้างไม่ชินทาง

อุตุฯ เผยเหนือ-อีสาน อากาศเย็นในตอนเช้า

กรมอุตุฯ เผยภาคเหนือ ภาคอีสาน มีอากาศเย็นในตอนเช้า ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง ส่วนภาคใต้ฝั่งตะวันออก มีฝนตกหนักบางแห่ง กทม.-ปริมณฑล อุณหภูมิจะสูงขึ้น 1-2 องศาฯ