ก.ศึกษาธิการ 13 ก.พ. – ศธ.เด็ดขาด! “ให้ออกจากราชการไว้ก่อน” ปมครูโค้ชฟุตซอลโรงเรียนชื่อดังกระทำอนาจารล่วงละเมิดทางเพศเด็กนักเรียน ยันไม่ปล่อยไว้แน่นอน จ่อฟันวินัยร้ายแรงขั้นสุด โรงเรียนเพิกเฉยโดนด้วย
นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกกระทรวงศึกษาธิการ เผยการดำเนินการจัดการขั้นเด็ดขาด “ให้ออกจากราชการไว้ก่อน” กรณีครูโค้ชฟุตซอลโรงเรียนชื่อดังกระทำอนาจารล่วงละเมิดทางเพศเด็กนักเรียน พร้อมตั้งคณะกรรมการสอบโรงเรียนอย่างเคร่งครัดในกรณีเพิกเฉยไม่ตรวจสอบและรายงานมายังต้นสังกัด ยืนยันการดำเนินการเป็นไปตามขั้นตอนระเบียบราชการหากพบผิดวินัยร้ายแรงจริงคาดโทษสูงสุดแน่นอน
โฆษก ศธ. กล่าวว่า จากกรณีข่าวล่าสุดที่ครูโค้ชโรงเรียนชื่อดังถูกรวบคาสนามฟุตซอลถูกจับกุมตัว จากข้อกล่าวหากระทำอนาจารเด็ก และพรากเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี ไปเพื่อการอนาจาร บังคับขู่เข็ญหรือชักจูงให้เด็กประพฤติมิชอบ พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ให้ความสำคัญกับการจัดการปัญหาความรุนแรงในสถานศึกษาเป็นอย่างมาก และจะปล่อยให้มีการกระทำเช่นนี้ซ้ำอีกไม่ได้
กระทรวงศึกษาธิการจึงดำเนินการอย่างเร่งด่วนกรณีล่วงละเมิดทางเพศเด็ก ขออย่าได้กังวลว่าต้องเป็นข่าวถึงจะทำงานไวกว่าเดิม เพราะถึงจะไม่เป็นข่าวแต่ถ้าเกิดเหตุการณ์ล่วงละเมิดไม่ว่าจะเป็นครูกับนักเรียน หรือครูกับครูก็จะดำเนินการขั้นเด็ดขาดรวดเร็วเช่นกัน กรณีแบบนี้รอช้าไม่ได้เพราะส่งผลต่อสภาพร่างกายและจิตใจของผู้ถูกกระทำอย่างรุนแรง
ขณะนี้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงขั้นสูงสุด โดยดำเนินการทางวินัยให้ครูผู้ก่อเหตุ “ออกจากราชการไว้ก่อน” ในระหว่างการสอบสวน ซึ่งจะนำไปสู่การพิจารณาให้ออกจากราชการในทันทีหากมีหลักฐานชัดเจน และให้โรงเรียนติดตามประเมินสภาพจิตใจนักเรียนผู้ประสบเหตุ พร้อมวางแนวทางการดูแลช่วยเหลือเยียวยา รวมถึงประสานผู้ปกครองแจ้งความดำเนินคดีและติดตามทุกระยะ
นอกจากนี้จะสอบสวนโรงเรียนให้ครอบคลุมเช่นกัน ที่เพิกเฉยไม่รายงานและดำเนินการในช่วงเวลาที่เหตุเกิดตลอดระยะเวลาที่ผ่านมายังต้นสังกัด และ ศธ.จะวางมาตรการเข้มข้นมากยิ่งขึ้นเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความรุนแรง หรือการล่วงละเมิดทางเพศซ้ำซากในสถานศึกษา ขอชี้แจงว่าการดำเนินการทุกขั้นตอนทั้งหมดเป็นไปตามระเบียบราชการและข้อกฎหมาย ผู้เกี่ยวข้องจะได้รับการสอบสวนอย่างจริงจังเกิดความยุติธรรมกับทุกฝ่ายแน่นอน การเร่งดำเนินการจัดการที่เห็นชัดเจนเช่นนี้เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำซาก และสร้างสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ที่ปลอดภัยสำหรับเด็กทุกคน
“เราจะเดินหน้ายกระดับมาตรการป้องกันและปราบปรามการล่วงละเมิดทางเพศในสถานศึกษาอย่างจริงจัง เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้ปกครองและนักเรียน ครูต้องเป็นพื้นที่เซฟโซนของผู้เรียนสร้างสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ที่ปลอดภัยสำหรับเด็กทุกคนในระบบการศึกษาไทย อยู่ในรั้วโรงเรียนอย่างอุ่นใจกลับบ้านไปอย่างมีความสุข” โฆษก ศธ. กล่าว . -416-สำนักข่าวไทย