29 ม.ค. – จุฬาฯ ระดมความคิดเห็น แก้ปัญหา PM 2.5 ระบุผู้ป่วยโรคหอบหืดและโรคหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน มีตัวเลขสูงในช่วงนี้ ย้ำต้องใส่หน้ากากอนามัย n95 ทุกครั้งที่ออกสู่ที่โล่ง ส่วนในอาคารต้องมีเครื่องวัด PM และ PM ต้องไม่เกิน 5-10 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ถึงจะปลอดภัย
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดเสวนาระดมความคิด พลิกวิกฤต PM2.5 เพื่อสร้างการรับรู้ จากอันตรายของฝุ่น PM 2.5 ต่อสุขภาพ รวมถึงแนวทางการป้องกัน โดยมี แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ นักสิ่งแวดล้อม ร่วมเสวนา
ผู้ร่วมเสวนาเห็นตรงกันว่า ภาวะ PM 2.5 ในกรุงเทพฯ ยังคงรุนแรง และส่งผลกระทบต่อสุขภาพ ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ค่า PM ตอนนี้ยังสูงกว่ามาตรฐาน ทั้งมาตรฐานไทย ที่กำหนดไว้ไม่เกิน 37.5 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ขณะที่กรุงเทพฯ ค่า PM2.5 ในแต่ละวันไม่คงที่บวกลบ 50 ตลอดทั้งวัน โดย PM2.5 ในกรุงเทพฯ 50% มาจากปัญหาการจราจร รองลงมา คือ โรงงานอุตสาหกรรม และสุดท้ายคือการเผาไหม้ ขยะ เผาป่า ซึ่งเป็นปัจจัย ที่เกิดนอกพื้นที่กรุงเทพมหานครแต่ส่งผลกระทบ
ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานี้ได้ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนในกรุงเทพฯ อย่างหนัก โดยเฉพาะในกลุ่มเปราะบาง เด็ก และผู้สูงอายุ อาการที่เกิดขึ้น เป็นอาการเฉียบพลัน ไอ จาม คันตา คัดจมูก และเลือดกำเดาไหล อาการจะยิ่งรุนแรงมากขึ้นหากเป็นโรคภูมิแพ้ และโรคหอบหืด ส่วนสุขภาพระยะยาว ยิ่งเป็นปัญหาใหญ่ระดับชาติ เพราะ PM2.5 มีขนาดเล็กมาก สามารถเข้าสู่ระบบหายใจลึกสุด คือเข้าสู่ปอด เข้าสู่กระแสเลือด ซึ่งจะทำให้เกิดปัญหา โรคเรื้อรัง อาทิ โรคหลอดลมอักเสบ โรคปอด หัวใจ อัลไซเมอร์ และการอักเสบของเซลล์เรื้อรัง ต้นเหตุของมะเร็ง
จากการรวบรวมสถิติของกระทรวงสาธารณสุขตลอด 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา ตั้งแต่มีปัญหา PM2.5 พบว่ามีผู้ป่วยเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล จากภาวะโรคหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน และหอบหืดสูงมาก และมากกว่าเวลาปกติกลายเท่าตัว ดังนั้นประชาชนต้องดูแลเอาใจใส่ตัวเอง ด้วยการป้องกันให้ปลอดภัยจากฝุ่น PM2.5 โดยการสวมหน้ากากอนามัย N95 ทุกครั้งที่ออกสู่ที่โล่ง และติดตามข่าวสาร ฟังประกาศเตือนฝุ่น PM2.5 ตลอดเวลา ที่สำคัญจะต้องมีการปรับเปลี่ยนตัวเอง ให้ทันกับสถานการณ์ เพื่อป้องกันปัญหาสุขภาพของตนเองและครอบครัว
สำหรับผู้ที่อยู่ในอาคาร แต่ละอาคารควรมีเครื่องวัด PM2.5 และจัดสภาพแวดล้อมภายในอาคารให้เหมาะสม ค่า PM ที่ปลอดภัยจะต้องอยู่ ที่ 5-10 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร เท่านั้น. -414-สำนักข่าวไทย