กรุงเทพฯ 29 ม.ค. – สถานการณ์ฝุ่นเช้าวันนี้ (29 ม.ค.) ในพื้นที่ กทม. กลับมามีส้มอีกครั้งใน 7 เขต หลังดีขึ้นเมื่อช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา ส่วนทั่วประเทศพบเกินมาตรฐาน 15 จังหวัด และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอีก
ศูนย์ข้อมูลคุณภาพอากาศกรุงเทพมหานคร รายงานสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 เช้าวันนี้ เมื่อเวลา 07.00 น. ภาพรวมอยู่ในเกณฑ์ปานกลาง ค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 32.8 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร เกินค่ามาตรฐานอยู่ในระดับสีส้ม เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ 7 เขต ส่วนที่เหลืออยู่ในระดับสีเหลือง สูงสุดอยู่ที่เขตหนองแขม 43 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร รองลงมาคือ เขตภาษีเจริญ 39.7 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร เขตสวนหลวง 38.8 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร เขตพระโขนง 38.7 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และเขตคลองสามวา 38.4 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
ทั้งนี้ เนื่องจากในช่วงวันที่ 29 มกราคม-3 กุมภาพันธ์ 2568 การระบายอากาศอยู่ในเกณฑ์ “อ่อน” ประกอบกับมีการเกิดอินเวอร์ชั่นใกล้ผิวพื้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้มลพิษทางอากาศแพร่กระจายได้อย่างจำกัด ส่งผลให้ความเข้มข้นของฝุ่นละอองมีแนวโน้มทรงตัวถึงเพิ่มขึ้นในช่วงดังกล่าว
ฝุ่นทั่วไทยเกินมาตรฐาน 15 จังหวัด-เฝ้าระวังต่อเนื่อง
ส่วนสถานการณ์ทั่วประเทศ ศูนย์สื่อสารการแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ ของกรมควบคุมมลพิษ รายงานคุณภาพอากาศเช้าวันนี้ ภาพรวมปริมาณ PM 2.5 พบเกินค่ามาตรฐานใน 15 จังหวัด กระจายอยู่ในภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออกได้แก่ กรุงเทพฯ นนทบุรี สมุทรสาคร สมุทรปราการ น่าน อุตรดิตถ์ สุโขทัย พิษณุโลก พิจิตร กาญจนบุรี ราชบุรี สมุทรสงคราม เพชรบุรี ระยอง และ จ.ตราด ขณะที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้ ภาพรวมอยู่ในเกณฑ์ดี
ด้านเว็บไซต์ IQAir รายงานจังหวัดที่คุณภาพแย่ที่สุดของไทยเมื่อเวลา 11.00 น. คือ อุตรดิตถ์ ค่า AQI อยู่ที่ 154 ระดับสีแดง รองลงมา จ.ลำปาง 146 และ จ.สมุทรสาคร 133 อยู่ในระดับสีส้ม
ส่วนผลการคาดการณ์สถานการณ์ฝุ่นละอองมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในทุกภาคจนถึงวันที่ 4 กุมภาพันธ์ ยกเว้นภาคใต้ ที่ดีอย่างต่อเนื่อง
“อนุทิน” ระดมถกแก้ปัญหาฝุ่น-แนะปรับเกณฑ์เยียวยา
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุมกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ เรื่องติดตามปัญหาหมอกควัน ไฟป่าและฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) โดยมีหน่วยงานต่างๆ และผู้ว่าราชการจังหวัด 76 จังหวัด เข้าร่วมผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์
นายอนุทิน กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีเป็นห่วงอย่างมาก โดยติดตามสถานการณ์และประชุมหารือกับตนเองตลอดเวลา โดยมูลเหตุของปัญหามาจากการเผา หากทำให้ประชาชนไม่เผาได้ มลพิษจะเกิดขึ้นน้อยมาก ไม่ต้องกังวลว่าเพื่อนบ้านจะทำอย่างไร เราต้องจัดการในบ้านของเราให้เรียบร้อยก่อน โดยต้องดำเนินมาตรการอย่างเข้มงวด และหาทางเลือก เช่น ที่เชียงใหม่ทำ คือให้มีการฝังกลบ หรือแปรสภาพ เศษซังข้าวโพด ซึ่งรัฐต้องสนับสนุนเครื่องจักรเข้าไป เราเจอภัยพิบัติมาโดยตลอด ต้นปีภาคเหนือไตรมาส 3 ภาคกลางไตรมาส 4 ภาคใต้ ใช้เงินเกือบ 20,000 ล้านบาท เป็นค่าชดเชยทดแทนความเดือดร้อน หลังคาเรือนละ 9,000 บาท เหตุการณ์นี้ก็ใกล้เคียงกัน น้ำลดหรือเพิ่มเกิน 3 วัน ชาวบ้านได้เงิน แต่กรณีหมอกควันยังไม่เกิด จะเอาเงินไปให้ชาวบ้านก่อนไม่ได้ มันต้องเกิดการเผา เกิดมลพิษควันดำก่อน ค่ามลพิษต้องเกิน 150 ไมโครกรัม จึงจะนำเงินออกไปได้ หากไปถึงจุดนั้นประเทศไทยคงมืดมิดไปทั้งประเทศ จึงขอแต่ละจังหวัดให้ช่วยกันคิด ในการผลักดันให้มีงบช่วยเหลือชาวบ้านก่อน เพื่อที่จะให้หยุดเผา พร้อมขอความร่วมมือทุกฝ่ายให้ช่วยกัน ส่วนที่บังคับใช้กฎหมายก็ต้องทำอย่างเต็มที่.-สำนักข่าวไทย